การพิจารณาที่จะหนีขึ้นไปอาศัยบนคลาวด์ของผู้อื่นนั้นจะขึ้นกับแต่ละโหลดงานเป็นหลัก ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสียที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน
เราไม่จำเป็นต้องแห่ตามกระแสเอะอะคลาวด์เอะอะก็คลาวด์ก็ได้ ในเมือบางสถานการณ์การทำงานบนดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ภายในองค์กร หรือไปใช้พื้นที่บนบริการโคโลยังจำเป็นอยู่ โดยเฉพาะหลายบริษัทที่หันมาลับคมเครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานของตนเองเป็น “คลาวด์ส่วนตัว” หรือไพรเวทคลาวด์ ที่ได้ทั้งเสถียรภาพ, ความสามารถที่ยืดหยุ่น, การตรวจสอบประวัติการเปลี่ยนแปลงได้, หรือแม้แต่มีแอพที่รับการบริการได้ด้วยตนเองบิ้วท์อินอยู่อย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องไปสมัครใช้บริการพับลิกคลาวด์ร่วมกับคนอื่นทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์กว่า 65% ยังคงทำงานตั้งอยู่ภายในสำนักงานตัวเอง แต่ก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ด้านไอทีกว่า 67% ที่ดูแลด้านนี้ เคยเห็นบางโหลดงานที่เคยโฮสต์กันเอง หนีย้ายขึ้นไปอยู่บนโลกพับลิกคลาวด์ด้วยเช่นกัน นั่นหมายความว่า การพิจารณาที่จะหนีขึ้นไปอาศัยบนก้อนเมฆกับชาวบ้านนั้นจะขึ้นกับแต่ละโหลดงานเป็นหลัก ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสียที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดย NetworkComputing.com ได้เตรียมคำถาม 5 ข้อมาช่วยให้คุณมองเห็นภาพได้ง่ายขึ้น ดังนี้
1. แอพตัวไหนที่ย้ายไปอยู่บนคลาวด์แล้วจะดึงความสามารถได้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง ขณะที่แอพอื่นไม่ว่าจะไปอยู่บนคลาวด์หรืออยู่ประมวลผลในบ้านตัวเองก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น การประยุกต์ใช้ที่ช่วยซัพพอร์ตการสื่อสารและประสานงานในองค์กรอย่างอีเมล์, การส่งข้อความแชต, ปฏิทิน พวกนี้เห็นถึงประโยชน์ชัดเจนในการย้ายที่นั่งตัวเองไปอยู่บนก้อนเมฆให้ทุกคนเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา หรือแม้แต่การเอาต์ซอร์สไปใช้บริการเธิร์ดปาร์ตี้ข้างนอกแบบเบ็ดเสร็จอย่าง Gmail ก็ช่วยปลดภาระการดูแลรักษาได้เป็นอย่างดี
2. โหลดงานไหนที่ปริมาณการใช้งานมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด พับลิกคลาวด์ก็จะตอบโจทย์ทั้งในด้านการจัดการ และค่าใช้จ่ายในการใช้บริการมากกว่าซื้อเซิร์ฟเวอร์มาตั้งรอเก้อจนฝุ่นจับ
3. ต้องการการปรับแต่งมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะถ้าคุณยังไม่เคลียร์เกี่ยวกับความต้องการทรัพยากรพื้นฐานของแอพนั้นๆ การไปสมัครใช้บริการพับลิกคลาวด์คงเป็นเรื่องที่ชวนงงทั้งคนให้และคนรับบริการ เอาเป็นว่าถ้ารู้อย่างถ่องแท้ว่าแอพที่ตัวเองใช้งานต้องการความสามารถและความยืดหยุ่นอะไรที่ดาต้าเซ็นเตอร์ตัวเองให้ได้ไม่เต็มที่ ค่อยรู้ทิศทางในการเลือกพับลิกคลาวด์มาช่วยต่อยอดได้
4. อย่าลืมเรื่องกฎหมาย และปัจจัยเรื่องตำแหน่งที่ตั้ง เช่น ข้อมูลอ่อนไหวมากอย่างสิทธิบัตร หรือข้อมูลส่วนตัวโดยเฉพาะเรื่องการชำระเงินของลูกค้า กฎหมายคงไม่ยอมให้ไปอยู่ในมือคนภายนอกโดยไม่มีระบบจัดการที่รัดกุมมากพอ หรืออาจมีข้อบังคับที่กำหนดสถานที่ตั้งของข้อมูลบางอย่างด้วย เป็นต้น
5. ที่สำคัญที่สุด ต้องดูเรื่องความปลอดภัย อะไรที่อยู่ในบ้านตัวเองก็ยังสามารถควบคุมและคาดการณ์ได้ตลอด แต่ถ้ารู้ตัวว่ากำแพงบ้านตัวเองไม่ค่อยปลอดภัย โจรผู้ร้ายชุกชุม ก็ควรมองหาบริการภายนอกที่มีเวรยามดูแลแบบมืออาชีพ เป็นต้น แต่ก็เทียบเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยว่าคุ้มกันไหม
ที่มา : https://www.networkcomputing.com/data-centers/5-key-questions-ask-moving-cloud/1784551434
