หน้าแรก Data Center ตอบโจทย์ทุกปัญหา รองรับทุกเวิร์กโหลด ด้วย “Dell PowerEdge Servers 15G”

ตอบโจทย์ทุกปัญหา รองรับทุกเวิร์กโหลด ด้วย “Dell PowerEdge Servers 15G”

แบ่งปัน

ท่ามกลางการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน องค์กรกำลังเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคที่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตทำให้องค์กรต้องหยุดชะงักลงไป อีกทั้งยังต้องมาเผชิญกับเรื่องปัญหาทางด้านไอทีที่เกิดขึ้นกับองค์กรมากมาย ตัวอย่างปัญหาที่พบกันเป็นประจำเช่น งบประมาณที่มีจำกัด, ทรัพยากรที่มีจำกัด, การขยายตัวของระบบที่องค์กรไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า, ความซับซ้อนในการบริหารจัดการระบบไอที แม้กระทั่งการใช้ระบบไอทีที่มากหรือน้อยเกินไป ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่นับรวมในส่วนของการขับเคลื่อนธุรกิจ อย่างเช่น การปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบคลาวด์, การรับมือกับเวิร์กโหลดงานใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือระบบประมวลผลแบบ Edge Computing เป็นต้น

เดลล์ เทคโนโลยีส์ เข้าใจถึงปัญหาและความต้องการขององค์กร จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงออกมาในหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานขององค์กรในทุกเวิร์กโหลดงานที่ดำเนินอยู่ และล่าสุดก็ได้มีการแนะนำเซิร์ฟเวอร์ในรุ่นใหม่อย่าง “Dell PowerEdge Servers 15G” โดยยึดหลักสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบอินฟราสตรัคเจอร์ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ในสามประเด็นสำคัญดังนี้

ประเด็นที่ 1 : Adaptive Compute

ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพจะต้องสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลาย รองรับเวิร์กโหลดงานได้ในหลายรูปแบบ พร้อมทั้งอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็จะมีความสามารถและคุณสมบัติพิเศษที่เหนือชั้นกว่า ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีซีพียูรุ่นใหมที่มีประสิทธิภาพ, หน่วยความจำที่มีมากขึ้น, ใช้ GPU ที่มีคุณสมบัติที่ดีกว่าเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่างๆ ตลอดจนระบบระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ใช้ของเหลวเป็นตัวระบายความร้อน รวมถึงพัดลมที่ทำงานได้ดีขึ้น

ประเด็นที่ 2 : Autonomous Compute Infrastructure

Dell PowerEdge Servers 15G เป็นระบบเซิร์ฟเวอร์อัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือองค์กรในการดำเนินธุรกิจ และสามารถมาทำงานร่วมกับโครงสร้างอินฟราสตรัคเจอร์อื่นๆ ในองค์กรทั้งนี้เพื่อเร่งประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่า พร้อมทั้งยังช่วยลดความผิดพลาดส่วนบุคคลของผู้ใช้งานอีกด้วย

เดลล์ เทคโนโลยีส์ มาพร้อมกับซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่ชื่อว่า Dell OpenManage Enterprise ที่มีความสามารถในการทำงานตั้งแต่ต้นไปจนจบและช่วยเหลือผู้ใช้งานในแต่ละวันทำงานอีกด้วย เพื่อสร้างให้เกิดแนวคิด Autonomous Compute Infrastructure อย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น

1. มีระบบช่วยในการติดตั้งตั้งแต่วันแรกที่ติดตั้ง และทำการกระจายการติดตั้งไปที่เครื่องอื่นๆ แบบอัตโนมัติ

2. หลังจากการติดตั้งเรียบร้อยและเริ่มการใช้งาน ก็มีระบบช่วยในการดูแลจัดการ (Monitoring), การเก็บข้อมูลของอุปกรณ์ (Inventory) เพื่อช่วยตรวจสอบว่าในเครื่องมีอุปกรณ์ใด รวมถึงการใช้งานเป็นเช่นไร

3. และเมื่อใช้งานไปสักระยะ มีระบบช่วยในการช่วย Update ต่างๆ จะทำการช่วยเช็คว่าระบบที่ใช้งานมีตัวใดต้องทำการ Update Firmware ของอุปกรณ์นั้นๆหรือไม่, สามารถเช็คและทำการส่งสัญญาณเตือนเมื่อการรับประกันใช้ถึงเวลาสิ้นสุด รวมถึงการส่งปัญหาไปที่หน่วยให้ความช่วยเหลือ (Tech Support) แบบอัตโนมัติ ทำให้การเปิดเคสปัญหา ทำได้อย่างง่ายดาย, มีประสิทธิภาพและรวดเร็วอีกด้วย

ประเด็นที่ 3 : Proactive Resilience

ระบบรักษาความปลอดภัยและการป้องกันเชิงรุก ข้อนี้เป็นประเด็นด้านความปลอดภัยที่สำคัญ โดย Dell PowerEdge Servers 15G ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยมากมายเพื่อเข้ามาเสริมแกร่งด้านระบบความปลอดภัย และสร้างเกราะคุ้มกันในการป้องกันภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น ในการที่คุณกำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยระบบความปลอดภัยข้างต้นมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจดังนี้

1. Secure Component Verification – เป็นระบบที่ช่วยให้สามารถมั่นใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ออกจากโรงงานผลิตของ Dell ไม่ได้มีการฝังโปรแกรมหรือมีการแก้ไขโปรแกรมก่อนถึงมือลูกค้า

2. iDRAC Telemetry Streaming and Analytics Solutions – ระบบทำงานส่งข้อมูลการทำงาน (Log) ออกไปให้ระบบภายนอกทำการประมวลผลและวิเคราะห์ระบบต่างๆ

3. System Lockdown – ผู้ดูแลระบบสามารถปิดไม่ให้มีการ Update Firmware ต่างๆของระบบได้

เจาะลึกระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ เพื่อการบริหารจัดการที่ดีกว่า

Dell PowerEdge Servers 15G รองรับการใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows Server 2022 เป็นระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ตัวล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับโครงสร้างไอทีอินฟราสตรัคเจอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

โดยคุณสมบัติที่น่าสนใจของ Windows Server 2022 นั้นจะมีโครงสร้างสำคัญอยู่ด้วยกันสามประการ อันประกอบด้วย เทคโนโลยีความปลอดภัย, การผสานการทำงานและการบริหารจัดการ Azure Hybrid และการเป็นแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชั่นที่ดีกว่า

โดยในแง่ของความปลอดภัยนั้น Windows Server 2022 มาพร้อมกับเทคนิคหลายอย่าง เช่น Trusted Platform Module 2.0 (TPM 2.0), เทคโนโลยีในการป้องกัน Firmware ด้วย Dynamic Root of Trust for Measurement (DRTM) และ Direct Memory Access (DMA) protection, เทคโนโลยี UEFI Secure Boot และเทคโนโลยี virtualization-based security (VBS) และ hypervisor-based code integrity (HVCI) เป็นต้น

ในส่วนของการทำงานร่วมกับ Azure Hybrid นั้น จะมีเทคโนโลยีอย่างเช่น Azure Arc ในการให้เซิร์ฟเวอร์ทั้งแบบออนพรีมีส และแบบมัลติคลาวด์ทำงานร่วมกันได้ดี, เทคโนโลยี Windows Admin Center ช่วยในการบริหารจัดการและทำรายงานสิ่งต่างๆ รวมถึงความปลอดภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น หรือแม้กระทั่ง Hotpatch ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Azure Automanage ในการช่วยสนับสนุนงานต่างๆ ของระบบเซิร์ฟเวอร์

และจุดเด่นอันที่สามก็คือ การเป็นแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชั่นที่ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงและพัฒนาในส่วนของ Windows Container, Azure Active Directory with group Managed Services Accounts (gMSA) และ Microsoft Distributed Transaction Control (MSDTC) และ Microsoft Message Queuing (MSMQ) เป็นต้น

สำหรับผู้ที่ต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Windows Server 2022
สามารถคลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

การผสาน Dell OpenManage Enterprise กับระบบการจัดการต่างๆ

คุณสมบัติของเซิร์ฟเวอร์ของเดลล์ ในตัว Dell OpenManage Enterprise มันสามารถที่จะไปผสานการทำงานกับระบบปฏิบัติการและระบบการจัดการอื่นๆ ผ่านทางหน้าคอนโซลเดียว ทั้งนี้เพื่อช่วยให้คุณทำงานได้ง่าย รวดเร็ว คล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีตัวอย่างการใช้งานดังนี้

1. Dell OpenManage Integration with Windows Admin Center
ส่วนเชื่อมต่อและประสานงานกับ Windows Admin Center เพื่อช่วยเหลือในการดูแลและจัดการระบบปฏิบัติการ Windows แม้กระทั่ง Windows Server 2022 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการล่าสุดของ Microsoft ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้

2. Dell OpenManage Integration with VMware vCenter
ส่วนเชื่อมต่อและประสานงานกับ VMware vCenter เพื่อช่วยเหลือในการดูแลและจัดการเครื่องแม่ข่ายผ่านหน้าจอ VMware vCenter

3. Dell OpenManage Ansible Modules
ส่วนเชื่อมต่อและประสานงานกับ RedHat Ansible เพื่อช่วยในเรื่องระบบอัตโนมัติต่างๆ และทำให้ระบบสามารถรองรับการทำงานแบบ Infrastructure as Code ได้อีกด้วย

4. Dell OpenManage Integration with ServiceNow
ส่วนเชื่อมต่อและประสานงานกับโปรแกรม ServiceNow ซึ่งช่วยเหลือในการเปิดเคส แก้ปัญหาระบบต่างๆ และยังสามารถเชื่อมต่อไปยัง Dell SupportAssist เพื่อทำการเปิดเคสไปที่หน่วยให้ความช่วยเหลือ (Tech Support) ได้อย่างอัตโนมัติ

5. Dell OpenManage Enterprise RESTful APIs
รองรับการเขียนชุดคำสั่งผ่านภาษา RESTful APIs ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

6. Dell CloudIQ
ระบบการดูแลจัดการอัจฉริยะผ่านระบบ Cloud ซึ่งผู้ใช้งานไม่ต้องมีเครื่องแม่ข่ายในการลงระบบนี้ เพียงเปิดระบบ Call Home ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลความผิดปกติไปที่ Dell TechSupport ก็สามารถเปิดใช้งานระบบ Dell CloudIQ ได้ จุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้งานผ่านทั้งหน้า Web และผ่าน Application บนมือถืออีกด้วย

บทสรุปของเซิร์ฟเวอร์จากเดลล์ เทคโนโลยีส์

Dell PowerEdge Servers 15G รวมถึงเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ มีคุณสมบัติมากมายที่น่าทึ่ง โดยที่กล่าวไปนั้นเป็นเพียงบางส่วนที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเพียงคุณสมบัติเท่านี้ก็แสดงให้เห็นว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร พร้อมมมีระบบช่วยเหลือและบริหารจัดการให้องค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความมั่นใจในระบบความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจใช้งาน Dell PowerEdge Servers 15G สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมงาน Dell Technologies ประจำประเทศไทยได้ทันทีที่ อีเมล DellTechnologies@kkudos.com โทร 090-949-0823 (วศิน)