การตรวจสอบประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์กนั้นจะใช้ข้อมูลโฟลว์ทราฟิก หรือที่เรียกว่า NetFlow ซึ่งเป็นแนวทางในการแยกแยะหาต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาด้านประสิทธิภาพที่เกี่ยวกับทราฟิกบนเครือข่าย ด้วยการวัดค่าลักษณะต่างๆ บนเลเยอร์ตั้งแต่ L2 – L7
ปกติแล้วสาเหตุพื้นฐานของปัญหาด้านประสิทธิภาพเครือข่ายมีอยู่ 3 ประการ ได้แก่ เวลาเดินทางไปกลับ (Round Trip Time), เวลาตอบสนองจากเซิร์ฟเวอร์, และ Jitter ซึ่งแต่ละอย่างนั้นสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพไปจนถึงดาวน์ไทม์ได้
1. ตัวชี้วัด Round Trip Time
Round Trip Time หรือที่เรียกว่า Network Delay นั้น เป็นค่าเวลาที่ใช้ในการส่งข้อมูลแพ็กเก็ตที่วิ่งจากเครื่องไคลเอนต์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ และวิ่งกลับมาอีกทีหนึ่ง เป็นค่าตัวเลขจำนวนเดียวที่แสดงถึงประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์กโดยตรง คำนวณโดยการเฝ้าติดตามเวลาที่ใช้ในการสร้างเซสชั่น TCP
ซึ่งค่าทั่วไปบนเครือข่ายองค์กรในตำแหน่งที่ตั้งเดียวกันนั้นจะน้อยกว่า 1 ms (หรือแม้แต่ประมาณหนึ่งในสิบของไมโครวินาที) ในฐานะที่สื่อสารอยู่บนเน็ตเวิร์กภายใน ทั้งนี้แอพพลิเคชั่นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำ TCP Handshake เนื่องจากเป็นส่วนของ TCP/IP Stack ที่อยู่บนตัวระบบปฏิบัติการเอง
ถ้าค่านี้จะมีปัญหา จะเกิดจากความผิดปกติของระบบปฏิบัติการเองซึ่งมักไม่เกิดขึ้นในการใช้งานจริง ส่วนค่านี้จะสามารถบอกสาเหตุของดีเลย์บนเครือข่ายต่างๆ ได้ เช่น การทำงานมากเกินไปของอุปกรณ์เครือข่าย การที่ไคลเอนต์เชื่อมต่อจากระยะไกล การใช้แอพบนคลาวด์ การเชื่อมต่อระหว่างอีเธอร์เน็ตเทียบกับ Wi-Fi และคอขวดของประสิทธิภาพจากการใช้พอร์ตที่ความเร็วต่างกัน เป็นต้น
2. ตัวชี้วัด Server response time
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเวลาตอบสนองของเซิร์ฟเวอร์ ที่แสดงถึงเวลาที่ร้องขอการประมวลผลบนฝั่งเซิร์ฟเวอร์ และแสดงถึงดีเลย์ที่เกิดจากตัวแอพพลิเคชั่นเอง ค่าที่วัดได้นี้เป็นเวลาที่แตกต่างกันระหว่างเวลาที่คาดการณ์ไว้ของแพ็กเก็ต ACK บนเซิร์ฟเวอร์ กับเวลาที่เซิร์ฟเวอร์ตอบสนองจริง
3. เรื่องของ Jitter
ส่วน Jitter คือค่าความหลากหลายของดีเลย์แต่ละแพ็กเก็ต ที่แสดงถึงความผิดปกติของโฟลว์ข้อมูล ยิ่งมีความแตกต่างของดีเลย์แต่ละแพ็กเก็ตมากยิ่งผิดปกติ ซึ่งปกติแล้ว ดีเลย์ระหว่างแพ็กเก็ตจะคงที่ หรือ Jitter เท่ากับศูนย์
ที่มา : Networkcomputing