บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้จัดงาน “True 5G Digital Thailand, The 1st Showcase powered by True Move H” เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยี 5G ที่จะช่วยปฏิวัติชีวิต และธุรกิจ เพื่อก้าวสู่โลกดิจิทัล นอกจากนั้นแล้วเรายังได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารของทางทรู คุณภัคพงศ์ พัฒนมาศ รองผู้อำนวยการ ธุรกิจโมบายล์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และคุณคนึงเดช ไตรรัตนอุปถัมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค-คุณภาพโครงข่าย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G และพัฒนาการของประเทศไทย
เมื่อเทคโนโลยี 5G คือความท้าทายประเทศครั้งใหม่
ภัคพงศ์ พัฒนมาศ รองผู้อำนวยการ ธุรกิจโมบายล์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เราผ่านการเปลี่ยนถ่ายของเทคโนโลยี จากยุคของเทคโนโลยีในรุ่นที่ 1 (Generation G1) มาจนถึงจากยุคของเทคโนโลยีในรุ่นที่ 4 (Generation G4) เรียกว่าว่ายุคของการเรียนรู้ของเทคโนโลยีที่ฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ในเทคโนโลยีที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ว่าจะดีขึ้นอย่างไรมันก็คือเรื่องของการเชื่อมโยงการสื่อสารที่เกิดขึ้นระหว่าง มนุษย์กับมนุษย์ เท่านั้น เพื่อสร้างสิ่งที่เราเรียกว่า “สังคมแห่งการเชื่อมต่อระหว่างกัน” แต่เมื่อเราก้าวสู่ของจากยุคของเทคโนโลยีในรุ่นที่ 5 (Generation G5) นั่นหมายความว่าเราได้ก้าวไปสู่ยุคของการสื่อสารที่มากกว่าเดิม เพราะจะเป็นการสื่อสารที่จะเกิดขึ้นในระหว่างมนุษย์ และเครื่องจักร ร่วมไปถึงเครื่องจักรต่อเครื่องจักร (machine to machine) ซึ่งนี้ที่เกิดขึ้นเหมืนกับเรากำลังก้าวออกจากประตูบานใหญ่ หรือก้าวออกจากแค่แม่น้ำ ไปสู่มหาสมุทร เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งเลย และคงไม่กล่าวเกินจริงไปว่าเทคโนโลยีคืออีกหนึ่งเทคโนโลยีจะเปลี่ยนโลก (Disruptive Technology) เลย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราอาจจะได้คุ้นชินกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลจำนวนมหาศาล (Big Data) กันมาบ้างแล้ว แต่การเข้ามา หรือการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีการสื่อสารแบบ 5G มันจะไม่ใช่เรื่องของแต่ บิ๊กดาต้า เท่านั้น แต่จะเปลี่ยนให้โลกก้าวสู่สิ่งที่เรียกว่า “อภิมหาข้อมูล” ซึ่งจะเป็นโลกที่ข้อมูลจะมาจากทุกสิ่งทุกอย่าง
![](https://www.enterpriseitpro.net/wp-content/uploads/2018/12/pakapong.jpg)
ไม่ว่าจะเป็นจากตัว มนุษย์ หรือเครื่องจักร ฯลฯ อีกมากมายมหาศาล ซึ่งเมื่อเรานำเอาเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (IoT) มาใช้ และประมวลวิเคราะห์หาคำตอบ ยิ่งจะทำให้เกิดผลกระทบ อย่างรุนแรง มากขึ้นอีกอย่างที่ยากจะจิตนาการได้
ปัจจุบันในประเทศจีน ได้มีตัวอย่างของการใช้ประโยชน์ของการใช้ “ข้อมูล” ที่เกิดจากอุปกรณ์ต่าง ๆ มาให้ ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ทดสอบประมวลผลในการเขียน “นิยาย” ออกมาได้เป็นเรื่อง ๆ โดยที่นิยายตัวนั้นเขียนขึ้นมาโดยอ้างอิงถึงสิ่งที่ผู้บริโภคที่เป็นนักอ่านสนใจได้อย่างตรงจุด
ทรูมูฟ จะให้บริการที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด
ในส่วนของผู้ให้บริการอย่าง ทรูมูฟ เอชอาจจะไม่ได้ทำธุรกิจอยู่เพียงบนหลักของการคิดค่าบริการการใช้งาน ผ่านเสียง หรือข้อมูล เหมือนอย่างเช่นในปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว แต่จะกลายเป็นบริการที่อยู่ในรูปแบบของบริการต่าง ๆ ที่ตรงจุด ตรงกลุ่ม แต่ละกลุ่ม ไปเลย เช่น บริการที่เจาะเข้าไปในกลุ่มของที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ที่เรียกกันติดปากว่า “สมาร์ทโฮม” (Smart Home) เราจะได้เห็น บ้านที่รู้ว่าเราจะเข้าออกบ้านเมื่อไร แล้วเตรียมเปิดหรือปิด แอร์ หรือไฟฟ้า ภายในบ้าน ให้โดยอัตโนมัติ ก่อนที่เราจะกลับเข้าบ้านด้วยซ้ำ
ขณะที่ในส่วนผลกระทบที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม เราอาจจะได้เห็นการลงทุนในลักษณะความร่วมมือในระหว่างอุตสาหกรรม เช่น การเงินการธนาคาร จับมือ ผู้ให้บริการโครงข่าย พัฒนาระบบที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เก็บได้อย่างรวดเร็วผ่าน 5G และประมวลผลด้วย เอไอ (AI) หรือ ไบโอแมทริกซ์ (biometrics)
เพื่อพิจารณาในการอนุมัติสิ้นเชื่อให้ได้ผ่านตู้กดเงินสด (ATM) ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อไม่ต้องเสียเวลาในการรอการพิจารณาหลาย ๆ เดือน อย่างเช่นในอดีต แต่จะรู้ผลในเพียงเวลาไม่กี่นาที ประโยชน์ที่ได้ก็จะทำให้ผู้ยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคารสามาถ วางแผน หรือแนวทางในการบริหารเส้นทางการเงิน ให้ตรงกับข้อกำหนด หรือหาทางออกอื่น ๆ ได้
ด้าน คนึงเดช ไตรรัตนอุปถัมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค-คุณภาพโครงข่าย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางด้านโทรคมนาคมในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนที่ตัวมนุษย์เท่านั้น แต่คือการเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือวิธีการแบบเดิม ๆ ไปเลย เป็นการเปลี่ยนสังคมทั้งหมด หรือเปลี่ยนรูปแบบสังคมทั้งหมด
![](https://www.enterpriseitpro.net/wp-content/uploads/2018/12/kanung1.jpg)
ปัญญาประดิษฐ์ทำงานสมานฉันท์กับ 5G
เราต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) กับเทคโนโลยีโครงข่ายเพื่อการสื่อสารอย่าง 5G เป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน อย่างแยกไม่ออก เพราะต้องทำงานเกี่ยวข้องกัน แน่นอนว่าในอดีตทั้ง 2 เทคโนโลยี อาจจะเข้าหา หรือผสานกันได้อย่างลำบากเพราะตัวเทคโนโลยีต้องใช้การลงทุนสูง
แต่ในปัจจุบัน เอไอ ไม่ใช่เรื่องของการลงทุนที่มากมายอีกต่อไป อย่างที่เราเห็นว่ามีนวัตกรรมเอไอ อยู่ในสมาร์ทโฟนแล้ว เป็นเพียงชิปเซ็ตตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี ลองนึกภาพว่าหากระบบปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้สามารถคำนวนประมวลผลได้เร็วขึ้นด้วยเทคโนโลยี 5G ประโยชน์ที่ได้จะมหาศาลเพียงใด
ยิ่งในปัจจุบันเราเริ่มที่จะเห็นการพัฒนา เซ็นเซอร์ ในระบบปิดเปิดไฟกันแล้ว และลองจิตนาการว่า หาก ปลั๊กไฟ หรือหลอดไฟ สามารถพ่วงเอาความสามารถในการตรวจจับอุณหภูมิของร่างกายผู้ที่อยู่อาศัยได้แล้ว แจ้งความผิดปกติของอุณหภูมิร่างกาย ที่ผ่านการประมวลผลฐานข้อมูลทางการแพทย์ ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะป่วยเป็นไข้หวัด กี่เปอร์เซ็นต์ ให้รีบทานยา หรือไปพบแพทย์ จะทำให้คุณภาพชีวิดีขึ้นมากขนาดไหน ถามว่าทำไมถึงทำได้ ก็เพราะ 5G นั้นมีความสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วไม่หน่วง (Latency) อย่างที่เทคโนโลยีในรุ่น (Generation) อื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังให้ความรวดเร็วในการส่งข้อมูลแตกต่างจากเทคโนโลยี 4G เพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า
วันนี้หากมีการใช้ เทคโนโลยีรุ่นที่ 5 (5G Generation of Cellular Mobile Communications) ก็จะทำให้ผู้ประกอบการรู้จักลูกค้ามากกว่าตัวลูกค้าเองด้วยซ้ำ หรือในกระบวนการผลิต เราก็จะได้เห็นทั้งการติดตามเส้นทางการขนส่ง เพื่อคำนวนเวลาในการผลิตได้อย่างถูกต้อง หรือการลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมบำรุงได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ดีทั้งนี้ทั้งนั้นเราอาจจะต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้ควบคูกันไปด้วยเช่นกัน เพราะหากมีเทคโนโลยีที่ดี แต่ไม่มีคนที่ใช้งานได้ก็ไม่มีประโยชน์
ซึ่งในอนาคตเมื่อมีการนำ 5G มาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ เราจะเห็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ที่จะพลิกโฉมทุกชีวิต จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อม และทำความรู้จักกับเทคโนโลยี 5G ตลอดจนประโยชน์จากการประยุกต์ใช้งานต่าง ๆ อย่างรอบด้าน