หน้าแรก Internet of Things ออราเคิล-วอลมาร์ท” ได้ไฟเขียว จากรัฐบาลสหรัฐ ประเด็น “ติ๊กต๊อก”

ออราเคิล-วอลมาร์ท” ได้ไฟเขียว จากรัฐบาลสหรัฐ ประเด็น “ติ๊กต๊อก”

แบ่งปัน

ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศว่า ไบต์แดนซ์  ได้รับคำสั่งอนุมัติเบื้องต้นในส่วนของข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐเพื่อจัดการประเด็นที่กำลังเจรจาอยู่ ซึ่งขณะนี้จะมีออราเคิล และวอลมาร์ท  ร่วมลงทุนเพื่อซื้อหุ้นเป็นสัดส่วน 20% ของธุรกิจติ๊กต็อก โกลบอล (TikTok Global) ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่

ข้อตกลงดังกล่าวมีเงื่อนไขว่า ติ๊กต็อก จะต้องสร้างบริษัทใหม่ชื่อติ๊กต็อก โกลบอล ซึ่งจะมีหน้าที่ให้บริการทั้งหมดของติ๊กต็อกแก่ผู้ใช้งานในสหรัฐและผู้ใช้งานส่วนใหญ่ทั่วโลก และวันนี้รัฐบาลสหรัฐได้อนุมัติข้อตกลงครั้งสำคัญนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าออราเคิลจะต้องเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ของติ๊กต็อก

Advertisement

ติ๊กต็อก โกลบอล จะมีนักลงทุนชาวอเมริกันเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงออราเคิลและวอลมาร์ท โดยติ๊กต็อก โกลบอล จะเป็นบริษัทอิสระของสหรัฐ มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ และมีชาวอเมริกันเป็นสมาชิกคณะกรรมการ 4 คน จากทั้งหมด 5 คน

เทคโนโลยีทั้งหมดของติ๊กต็อกจะตกเป็นของติ๊กต็อก โกลบอล และต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวของสหรัฐ โดยจะต้องมีการรักษาความเป็นส่วนตัวในข้อมูลของผู้ใช้งานติ๊กต็อกในสหรัฐราว 100 ล้านคนอย่างรวดเร็ว ด้วยการย้ายข้อมูลของชาวอเมริกันทั้งหมดไปยังศูนย์ข้อมูล Generation 2 Cloud ของออราเคิล ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลคลาวด์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก

ออราเคิล ให้บริการศูนย์ข้อมูล Generation 2 Cloud ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความอ่อนไหวที่สุดในโลก ศูนย์ข้อมูลดังกล่าวทำหน้าที่แยกการใช้งานที่ดำเนินอยู่อย่างเต็มรูปแบบและตอบสนองภัยคุกคามด้านความปลอดภัยได้เอง เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยกำจัดความเสี่ยงที่รัฐบาลต่างประเทศจะเข้ามาสอดส่องผู้ใช้งานชาวอเมริกัน หรือพยายามใช้ข้อมูลผิด ๆ เพื่อชักจูงชาวอเมริกัน

นอกเหนือจากการซื้อหุ้นแล้ว วอลมาร์ทยังจะนำขีดความสามารถด้านการค้าปลีกแบบหลายช่องทางมาใช้กับธุรกิจใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบริการ Walmart.com แหล่งซื้อขายอีคอมเมิร์ซ บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง บริการชำระเงิน และบริการโฆษณาแบบ measurement-as-a-service

ติ๊กต็อก โกลบอล จะช่วยสร้างงานใหม่กว่า 25,000 ตำแหน่งในสหรัฐ และจะชำระภาษีให้กระทรวงการคลังสหรัฐกว่า 5 พันล้านดอลลาร์