บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ “TERA” เปิดตัวการให้บริการ T.Cloud Generation ที่ 3 (T.Cloud Gen3) ที่สุดแห่งบริการคลาวด์แบบอัจฉริยะของคนไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่องค์กรภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ ต่อยอดสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจอย่างแท้จริง
นายบุญชัย ตั้งวัฒนาพรชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ “TERA” เปิดเผยว่า บริการ Cloud และ Data Center ซึ่งเป็น Mega Trend ที่กำลังเติบโตทั่วโลก สอดรับกับนโยบายใช้คลาวด์เป็นหลัก หรือ Cloud First Policy ของภาครัฐไทย ที่ประกาศในเดือนสิงหาคม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนโครงการ T.Cloud Gen3 ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาทในปี 2567 เป็นไปตามวัตถุประสงค์การระดมทุน IPO พร้อมวางแผนลงทุนรวมประมาณ 67 ล้านบาท ภายใน 6 ปี เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการบริการคลาวด์ที่ได้มาตรฐานขององค์กรต่างๆ
TERA ให้บริการและพัฒนา Local Cloud ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการให้บริการ T.Cloud Gen1 ในปี 2559 ต่อมาในปี 2561 ได้พัฒนาเป็น T.Cloud Gen2 โดยเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น SAP HANA, Microsoft Dynamics และระบบฺอื่นๆ เพื่อรองรับองค์กรทุกขนาด ปัจจุบัน T.Cloud Gen3 ต่อยอดความสำเร็จจากประสบการณ์เกือบ 8 ปี ให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน
นายบุญชัยกล่าวว่า โครงการ T.Cloud Gen3 ถือเป็น Flagship Solutions ของ TERA จึงได้คัดเลือก Data Centers ขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานสูงระดับโลก พร้อมกับคัดเลือกลงทุนกับอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีความเสถียรสูงสุดจาก IT Vendors ชั้นนำระดับโลก และ TERA ได้ลงทุนสร้างศูนย์บัญชาการ หรือ Network Operation Center (NOC) ให้บริการ T.Cloud ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการในระดับสูงที่สุด ให้บริการโดยทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านคลาวด์และ IT Infrastructure จาก TERA ที่มีประสบการณ์เกือบ 20 ปี ปัจจุบัน TERA มีฐานลูกค้าผู้ใช้บริการ T.Cloud ที่เหนียวแน่นในปัจจุบัน มากกว่า 100 สัญญา ในรูปแบบของสมาชิกแบบต่อเนื่องหรือสัญญาแบบ Subscription Model
นายบุญชัยเปิดเผยว่า T.Cloud Gen3 มีจุดเด่นการให้บริการ โดยจัดเก็บข้อมูลในดาต้าเซ็นเตอร์ภายในประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลขั้นสูง ทั้ง ISO27001, ISO20000, PCI DSS, LEED Gold Level และอื่นๆ ที่มีระดับความปลอดภัยระดับสูง มีบริการประเภท IaaS (Infrastructure as a Service), Bare Metal (เซิร์ฟเวอร์ที่เป็นฮาร์ดแวร์จริง), BaaS (Backup as a Service), DRaaS (Disaster Recovery as a Service), S3 Storage (การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ Object Storage), CaaS (Container as a Service), AI (IaaS/Bare Metal + GPU card), NW (Network Services), Cyber Security (ความปลอดภัยไซเบอร์) และบริการอื่นๆ ทั้งยังมีทีมงานที่มากประสบการณ์ด้านคลาวด์ และด้านไอทีอินฟราสตรัคเจอร์ ประมาณ 20 ปี พร้อมให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรทุกขนาด ทั้งหมดนี้ จะทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้เลยว่าระบบและข้อมูลสำคัญของพวกเขาจะได้รับการปกป้องอย่างมีความปลอดภัยระดับสูงสุด พร้อมทั้งบริการที่มีประสิทธิภาพจาก TERA อย่างแท้จริง