หน้าแรก Home Case Study เอสซี แอสเสท ยกระดับคุณภาพ นำร่องระบบตรวจสอบใบหน้าที่แรกในไทย

เอสซี แอสเสท ยกระดับคุณภาพ นำร่องระบบตรวจสอบใบหน้าที่แรกในไทย

แบ่งปัน

บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยอาคารสำนักงานมาตรฐานระดับโลก นำร่องระบบตรวจสอบใบหน้า (Face scan system) ด้วยเทคโนโลยี Deep Learning Algorithm ที่ช่วยให้ตรวจจับและอ่านใบหน้าของผู้ผ่านเข้า-ออกอาคาร( Flap Gate) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ที่อาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 3 เป็นแห่งแรกในประเทศไทย

นายสมชาย เลาหบูรณะกิจ รองหัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านบริหารทรัพย์สิน (Deputy Chief Operating Office – Property Management) บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เอสซี แอสเสท ต้องการที่จะยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของสำนักงานให้เช่า ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของบริษัทฯ จึงได้ทำการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยการเข้า-ออกที่ใช้ระบบตรวจสอบใบหน้า (Face scan system) ที่ใช้เทคโนโลยี Deep Learning Algorithm ในการวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ทางกายภาพ เช่น ระยะห่างของดวงตา ความสูงและลึกของจมูก มิติบนใบหน้า โหนกแก้ม ซึ่งทำให้มีความแม่นยำมากกว่า 99% แม้ว่าจะใส่แว่นกันแดด เปลี่ยนทรงผมหรือสีผม แต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้าก็ตาม เพื่อควบคุมการเข้าถึงและความปลอดภัยแก่สถานที่นั้นๆ โดยให้บริษัท Thai SECOM Security เป็นผู้ติดตั้ง ระบบ Flap Gate รวมถึงติดตั้งระบบตรวจสอบใบหน้า (Face scan system) ที่มีความแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งสามารถผ่านเข้า-ออกได้รวดเร็วถึง 1 วินาทีต่อคน จาก Hikvision ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการและจำหน่ายกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัยที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลก1 ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลต่างๆ อาทิ UL CE FCC และ ISO เป็นต้น”

“ที่ เอสซี แอสเสท เราให้ความสำคัญเรื่องรู้จัก รู้ใจลูกค้า (human-centric) เนื่องจากอาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 3 เป็นอาคารสำนักงาน หลายๆ คนมาทำงานในตอนเช้ามีสัมภาระเยอะ ทำให้ไม่สะดวกในการหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าเพื่อสแกนเข้า-ออกอาคาร บางครั้งก็ลืมนำบัตรสแกนติดตัวมา ด้วยระบบตรวจสอบใบหน้าที่อาคารติดตั้งให้ถึง 15 ช่องทางเข้าออก (Lens) ทำให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายในการเข้า-ออกอาคารมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญไปกว่านั้น ระบบตรวจสอบใบหน้ายังมีส่วนช่วยยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้น โดยสามารถป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่พึงประสงค์เข้าออกอาคารได้ (Blacklist) หากระบบตรวจพบใบหน้าเหล่านี้ก็จะส่งเสียงและไฟกระพริบแจ้งเตือนในทันที ระบบดังกล่าวเริ่มใช้ตั้งแต่เดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเสียงตอบรับจากลูกค้าดีมากๆ ” นายสมชาย กล่าวเสริม

https://www.youtube.com/watch?v=e7Ck9ZecEhE&feature=youtu.be

สำหรับอาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 3 นั้น ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต เป็นอาคารสำนักงาน 36 ชั้น มีพื้นที่สำนักงานรวมกว่า 54,000 ตารางเมตร ในตัวอาคารยังมีห้องประชุมที่ทันสมัยไว้รองรับผู้เช่า และ มีโซนพลาซ่า ร้านค้า รวมทั้ง ศูนย์อาหารไว้บริการลูกค้าภายในอาคาร สามารถเดินทางเข้า-ออก ได้ 2 ทาง คือ ทางด้านหน้า ฝั่งวิภาวดี และ อีกด้าน ฝั่งถนนพหลโยธิน ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สถานีพหลโยธิน 24