หน้าแรก Networking & Wireless 5G หัวเว่ย เผยโฉมนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในงาน POWERING DIGITAL THAILAND 2021 HUAWEI CLOUD & CONNECT

หัวเว่ย เผยโฉมนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในงาน POWERING DIGITAL THAILAND 2021 HUAWEI CLOUD & CONNECT

แบ่งปัน

ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่กับงาน POWERING DIGITAL THAILAND 2021 HUAWEI CLOUD & CONNECT ซึ่งทางหัวเว่ยนั้นได้เข้าร่วมการจัดแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์โซลูชันอัจฉริยะ ที่เผยให้เห็นถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของหัวเว่ยแบบขีดสุด

ในงานครั้งนี้ต้องบอกว่าทางหัวเว่ยได้ร่วมกับทาง บางกอกโพสต์ และพาร์ทเนอร์ด้านไอทีอีกว่า 50 ราย นำเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยมาให้คนไทยได้สัมผัสกัน ตลอดทั้ง 4 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 – 14 พฤศจิกายน จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งภายในงานแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ ก็คืองานสัมมนาและงานแสดงเทคโนโลยี

Advertisement

งานสัมมนาเริ่มต้นได้รับเกียรติ จากทาง นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของหัวเว่ยว่า “หัวเว่ย ในฐานะองค์กรด้านเทคโนโลยีที่อยู่กับประเทศไทยมานานกว่า 21 ปี ได้มองเห็นศักยภาพของประเทศไทยที่ค่อนข้างได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการนำเทคโนโลยี CLOUD, AI และ 5G มาประยุกต์ใช้เป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิทัล เราจึงต้องการสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถยกระดับขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัล (Digital Hub) ของอาเซียน

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย)

ถัดมาก็จะเป็น Key Note ระดับประเทศที่ให้เกียรติมาร่วมในงานครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขึ้นกล่าวต้อนรับและกล่าวปาถกฐาพิเศษในงาน รวมถึงมีวิทยากรสำคัญต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ข้อมูลด้านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยต่างๆ อันประกอบด้วย ระบบ Cloud Computing, เทคโนโลยีด้านการประมวลผลแบบ AI, การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีด้านดิจิทัล เป็นต้น

ภายในงาน หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย พร้อมด้วยพาร์ทเนอร์ ยังนำเทคโนโลยีอย่าง CLOUD, 5G และ AI มาจัดแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมดังกล่าวสามารถนำมาใช้เพิ่มคุณค่าใหม่ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมหลากหลายรูปแบบ รวมถึงเสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งพื้นที่จัดแสดงนวัตกรรมในหัวข้อต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยการเสวนาในหลายหัวข้อครอบคลุมภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย Hands on Labs และการแข่งขันสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์

ส่วนในห้องจัดแสดงเทคโนโลยีนั้น นัยเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจของงานในครั้งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะหัวเว่ยได้ขนทัพโซลูชันด้านไอทีมาอย่างเต็มขั้น โดยเริ่มกันตั้งแต่

ส่วนงาน Redefine Infrastructure : Huawei Cloud ที่มากับบูธนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่เกี่ยวกับระบบประมวลผลคลาวด์ มาในหลายรูปแบบ เนื่องจากจุดเด่นของหัวเว่ยก็คือ Data Center ที่มีการตั้งอยู่ในประเทศไทย ทำให้เซอร์วิสหรือบริการด้านคลาวด์ของหัวเว่ยนั้น จะมีเสถียรภาพและความคล่องตัวและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น บริการที่น่าสนใจตัวอย่างเช่น CDN : Global Leading Acceleration, IEF : Ubiquitous Edge Computing, Collaborative Security Service and Protection, Cloud Native Infrastructure เป็นต้น

ถัดมาเป็นส่วนของ AI Experience : Huawei AI Computing ที่เรียกความสนใจผู้ชมเป็นจำนวนมากกับการนำเอาชิปอย่าง Atlas 200 DK Developer Kit ที่ออกแบบมาสำหรับนักพัฒนาเพื่อนำมาสร้างระบบประมวลโดยอาศัย AI ในการทำงาน มันสามารถที่จะนำมาใช้พัฒนาในโปรเจ็กต์ต่างๆ เช่น Face Detection, Human Detection หรือนำมาใช้ในอุตสาหกรรมโรบอตก็ได้เช่นกัน โดย Huawei ได้นำเอาชิปดังกล่าวไปใส่ในหุ่นยนต์แล้วนำมาจัดแสดงให้เห็นในงานครั้งนี้

หนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเรื่องของ Huawei 5G โดยในวันนี้ทั่วโลกต่างยอมรับกันแล้วว่า Huawei เป็นผู้นำในโลกของ 5G อย่างแท้จริง โดยมีการนำเสนอเทคโนโลยีความเร็วให้กับผู้เข้าชมได้เห็น อีกทั้งยังแสดงถึงความสามารถในการทำ Live Streaming พร้อมๆ กันได้อย่างน่าทึ่ง Latency ที่ลดน้อยลงเป็นอย่างมาก สามารถนำมาใช้ในงานต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือแม้กระทั่งการนำมาใช้ในเทคโนโลยีอย่าง Face Reconigtion หรือในโปรเจ็กต์ที่ใช้งานร่วมกับแว่นและเทคโนโลยีประเภท VR (Virtual Reality) เป็นต้น

มีสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดในงานก็คือเทคโนโลยีกระดานอัจฉริยะหรือ Smart Board โดยหัวเว่ยได้พัฒนาเทคโนโลยีกระดานอัจฉริยะอันสุดล้ำภายใต้ชื่อว่า Hauwei Idea Hub เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานด้านการประชุมทางไกล และงานด้านการศึกษา (หรืออาจจะนำไปประยุกต์ใช้กับงานประเภทอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน) ตัวบอร์ดมีการติดตั้งทั้งกล้องและไมโครโฟนรวมถึงระบบที่ใช้ในการทำระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครบถ้วน อีกทั้งตัวแพลตฟอร์มเองก็มีการเชื่อมกับระบบ Huawei Cloud Meeting Service ทำให้การใช้งานระบบเป็นไปได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็ว

Huawei Idea Hub สามารถปรับโหมดการใช้งานได้หลากหลาย โดยคุณสามารถใช้งานเป็นระบบแอนดรอยด์ หรือระบบวินโดวส์จากไมโครซอฟท์ก็ได้เช่นกัน ทำให้เกิดความง่ายและเหมาะกับผู้ใช้งานหลายคน

นอกเหนือจากไฮไลท์ดังกล่าว หัวเว่ย ยังมีบูธอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กันโดยจัดหมวดหมู่ตามกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ภายใต้โซน Industry Digital Transformation อาทิเช่น Smart Enterprise, Smart Retail, Smart Finance, Smart Cumpus, Smart Energy เป็นต้น และสำหรับผู้ที่มาร่วมงานนั้นยังได้มีโอกาสสัมผัสกับการทำ Hands-on Lab ของหัวเว่ยที่จะทำให้คุณได้ทราบถึงเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของหัวเว่ยโดยรวมอีกด้วย

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะทดสอบประสิทธิภาพของ Huawei Cloud ต้องบอกว่านี่คือโอกาสอันดีเป็นอย่างมาก เพราะทางหัวเว่ยได้จัดแคมเปญพิเศษภายใต้โครงการ Huawei Cloud Year-End Sale Carnival เป็นโครงการส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้าที่สนใจ เช่น คูปองมูลค่า 1,000 ดอลล่าร์ฯ สำหรับบริการคลาวด์ หรือส่วนลดสูงสุดถึง 80% สำหรับ Hot Cloud Services ที่รวมบริการเช่น ECS, Database, CDN, OBS และ HSS รวมถึงข้อเสนอพิเศษอีกมากมายหลายอย่างเลยทีเดียว

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Email : Sales@huaweicloud.com

หรือ Hotlines:
Malaysia +60 392 128 236
Singapore +65 6951 8012
Philippines +63 2271 2628
Indonesia +62 21 3950 1734
Thailand +66 1800 012 280
Hong Kong +852 800 931 122
Mainland China +86 4000 955 988