สำหรับองค์กรที่มีแอปพลิเคชันสำคัญ ระบบฐานข้อมูล หรือระบบหลักที่เรียกว่า Mission Critical Systems เรื่องของเสถียรภาพและประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ที่ลูกค้าองค์กรต้องพิจารณาเพื่อให้ระบบต่าง ๆ และแอปพลิเคชันเหล่านั้น ทำงานได้ตลอดเวลา และมีปัญหาและ Downtime น้อยที่สุด รวมไปถึงความปลอดภัยของระบบงานนั้น ๆ ด้วย และยิ่งปัจจุบันหลายองค์กรเริ่มปรับตัวและพัฒนาปรับปรุงแอปพลิเคชันขององค์กรให้ทันสมัยมากขึ้นที่เรียกว่า Modernization โดยการพัฒนาแอปพลิเคชันในรูปแบบ Cloud Native Application หรือ Microservices ที่ออกแบบเพื่อรองรับการประมวลผลในรูปแบบคลาวด์ ลูกค้าต้องพิจารณาตั้งแต่ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการใช้บริการคลาวด์จากผู้ให้บริการต่าง ๆ ทั้งในและนอกประเทศ ในลักษณะของไฮบริดคลาวด์อีกด้วย โครงสร้างพื้นฐานก็ยิ่งต้องมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นเพื่อให้รองรับการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและตอบโจทย์ทางด้านธุรกิจได้อย่างทันท่วงที
ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม โดยเฉพาะหัวใจสำคัญของการให้บริการอย่างหน่วยประมวลผลหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรนั้น ต้องตอบโจทย์ทั้งหลายที่กล่าวมาได้เป็นอย่างดี และไม่ใช่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อจะมีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และคุ้มค่าคุ้มทุนเหมือน ๆ กัน โดยเฉพาะทุกวันนี้บริษัทต่าง ๆ เริ่มมีแนวคิดที่เกี่ยวกับการวัดและปรับแต่งแม่แบบทางสภาพแวดล้อมของระบบไอทีขององค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่เรียกกันว่า IT Sustainability เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกและคุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่สุดในวงจรของ ESG (Environment, Social, และ Governance) สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ ด้วยการสะท้อนบทบาทความรับผิดชอบของธุรกิจ ต้องสามารถวัดผลและปรับแต่งแม่แบบทางสภาพแวดล้อมของระบบไอทีของคุณให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น เซิร์ฟเวอร์ของ IBM ที่ลูกค้าทั่วโลกให้ความไว้วางใจและกล่าวถึงว่าเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำที่เหมาะสมกับการที่ธุรกิจองค์กรที่จะเลือกใช้เป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานหลักในส่วนของระบบประมวลผลการให้บริการที่มีความเสถียรสูงกว่าและมี Downtime โดยไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า น้อยกว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์รุ่นอื่น ๆ ในท้องตลาด จากผลการสำรวจขององค์การทางด้านความเสถียรของฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการเป็นเวลามากกว่า 12 ปีติดต่อกัน จากองค์กรระดับโลกอย่าง Information Technology Intelligence Consulting Corp. (ITIC) ซึ่งสูงกว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ x86 บางรุ่นถึงกว่า 17 เท่า หรือถ้าเทียบกับเครื่อง x86 ที่หลายองค์กรใช้งานก็เท่ากับช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านโครงสร้างพื้นฐานถึง 122,501 ดอลลาร์ เลยทีเดียว
แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงเครื่องเซิร์ฟเวอร์ในตระกูล IBM Power Systems ซึ่งปัจจุบันเพิ่งออก Power10 รุ่นย่อยต่าง ๆ มาใหม่ล่าสุดในปีนี้ โดยหน่วยประมวลผล Power10 นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมของไฮบริดคลาวด์ได้อย่างเหมาะสม ในสภาพแวดล้อมแบบ Cloud Native
หากคนที่ยังไม่ทราบว่าทำไมเราถึงต้องการใช้งาน Cloud Native Platform นั้น ก็เนื่องจาก Microservices หรือ Container ที่เป็นพื้นฐานของโปรแกรมแบบ Cloud Native นั้นเหมาะสมกับการพัฒนาโปรแกรมให้ทันสมัยตามแนวคิดแบบ DevOps หรือ DevSecOps ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว ลดความซับซ้อนหรือปัญหาในการเข้ากันได้ของแต่ละโมดูล มีความคล่องตัวสูง มีการใช้ทรัพยากรของระบบน้อยลง และยังมีข้อดีอื่นอีกมากมาย โดย IBM Power10 นั้นสนับสนุนการทำงานแบบ Cloud Native ระดับ Enterprise ด้วย Red Hat® OpenShift® Container Platform (RH OCP) และ IBM Cloud Pak® ทำให้ระบบที่ใช้ Power10 สำหรับการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัยนั้นมีความมั่นคง คล่องตัว ยืดหยุ่นสูง และปลอดภัยไปพร้อม ๆ กัน ความสามารถในการรวมศูนย์ระบบงานต่าง ๆ ในองค์กรและการปรับเปลี่ยนทรัพยากรได้แบบไดนามิก ช่วยให้ลูกค้าสามารถเรียกใช้รันระบบงานสมัยใหม่ที่เป็น Cloud Native Application ควบคู่ไปกับระบบงานแบบ VM-based Virtualization เดิม ให้สามารถทำงานพร้อมกันบนเครื่องเดียวกัน รองรับระบบปฏิบัติการที่หลากหลายสำหรับระบบงานขององค์กรไม่ว่าจะเป็น AIX, IBM i และ Linux เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุดตามคอนเซปต์ของ Sustainable IT
สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือบน IBM Power10 นั้นมีประสิทธิภาพพร้อมความปลอดภัยสูง รวมถึงมีคุณสมบัติด้านความมั่นคงทนทานที่องค์กรต้องการหรือ RAS (Reliability, Availability, Serviceability) ที่สูงมาก เมื่อพูดถึงความปลอดภัย สามารถยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น เช่น ในส่วนของ Hypervisor ของ Power Systems ที่เรียกว่า PowerVM นั้นถูกพัฒนาและติดตั้งมาให้ทำงานร่วมกันและเข้ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด ตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์ เฟิร์มแวร์ และระบบปฏิบัติการที่รองรับโดยเฉพาะบนเครื่อง Power10 อีกทั้งเรื่องของช่องโหว่ทางไซเบอร์ที่น้อยมาก อ้างอิงจากข้อมูลของสถาบัน NIST (National Institute of Standards and Technology) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 ล่าสุด มีรายงานการตรวจพบช่องโหว่ที่มีความเสี่ยงสูงเพียงแค่ 8 รายการ (CVE IDs) เท่านั้น โดยค้นหาจากฐานข้อมูล National Vulnerability Database และใช้คำค้นหาหรือ Keyword ว่า PowerVM ซึ่งน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ Hypervisor ของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมอาจจะพบช่องโหว่ได้มากกว่า 100 รายการ เลยทีเดียว
อีกเรื่องหนึ่ง ต้องบอกว่าเป็นเวลามากกว่า 25 ปี ที่ลูกค้าได้เลือกใช้ IBM Power Systems กับระบบฐานข้อมูลที่สำคัญขององค์กร ไม่ว่าจะเป็น Db2 หรือ Oracle และฐานข้อมูลอื่น เพราะมีความน่าเชื่อถือสูงและมี Downtime น้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัดและได้รับการพิสูจน์มาแล้วเป็นอย่างดี และยังรองรับฐานข้อมูลโอเพ่นซอร์ส (OSDB) เช่น PostgreSQL, EDB และ MongoDB ทั้งการติดตั้งใช้งานแบบปกติ หรือแบบ Container ก็ตามที ฐานข้อมูล OSDB กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะลูกค้าสามารถเลือกระดับของการสนับสนุนและการให้บริการจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ และมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการปรับใช้งานฐานข้อมูลมาให้อย่างเพียบพร้อมสำหรับการใช้เป็นฐานข้อมูลของแอปพลิเคชันหรือระบบงานที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ หรือการย้ายฐานข้อมูลแบบเดิมเพื่อลดค่าใช้จ่ายได้ 35% – 80% และไม่ผูกติดกับผลิตภัณฑ์เดียว การเลือกใช้ IBM Power10 กับฐานข้อมูล OSDB สำหรับธุรกิจนั้น พร้อมกับพาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์ทำให้คุรได้ระบบที่น่าเชื่อถือมากอย่างยิ่ง ช่วยลดความเสี่ยงที่ลูกค้าต้องเผชิญด้วย เพิ่มความพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่ลดความเสี่ยงที่จะเจอกับเหตุการณ์ที่ระบบฐานข้อมูลไม่สามารถให้บริการได้ หรือลดการเกิด Downtime โดยไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี
ระบบปฏิบัติการ AIX และ IBM i เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมั่นใจกับการทำงานมาอย่างยาวนาน และยังคงรองรับบนเครื่อง Power10 รุ่นใหม่ พร้อมกับมีบริษัทคู่ค้าหรือ ISV Partner ทั้งเก่าและใหม่ ที่รองรับธุรกิจและอุตสาหกรรมในหลาย ๆ กลุ่ม รวมถึงมีการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัยอยู่เสมอและต่อเนื่อง เช่น IBM i มีการเพิ่มความสามารถให้กับ Db2 และ RPG เป็นต้น และยังรองรับโอเพ่นซอร์สและภาษาโปรแกรมแบบใหม่ ๆ เช่น Java, php, Python, R และอื่น ๆ ให้สามารถทำงานบน AIX และ IBM i เวอร์ชันล่าสุดได้ทันที ลูกค้าที่เลือกใช้งาน Power10 ยังได้รับประโยชน์จากความสามารถและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่โดดเด่น ทำให้ทั้งลูกค้า AIX และ IBM i สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างมีนัย นอกจากนี้ การทำงานในอนาคตระหว่าง Power10 กับระบบปฏิบัติการ AIX และ IBM i จะมีการรวมเอาคุณสมบัติการบีบอัดและการเข้ารหัสข้อมูลฝังมาบนชิป Accelerator เฉพาะทาง สามารถทำงานโดยไม่กระทบกับประสิทธิภาพโดยรวมของระบบอีกด้วย
สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้แพลตฟอร์ม IBM Power Systems หรือยังไม่แน่ใจว่าระบบต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในองค์กร จะสามารถทำงานบนเครื่อง Power10 ได้ไหม หรือมีงบประมาณในการซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์จำกัด แสดงว่าคุณยังไม่รู้ว่า IBM มีทางเลือกให้ลูกค้าสามารถเช่าใช้เครื่อง IBM Power10 แบบคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริงหรือ Pay-per-use บน IBM Public Cloud ด้วย โดยอยู่ในแคตาล็อกที่ชื่อว่า IBM Power Systems Virtual Servers on IBM Cloud หรือเรียกสั้น ๆ ว่า PowerVS ก็ได้ ซึ่งให้บริการในลักษณะ Virtual Machine-as-a-Service (VMaaS) ที่ลูกค้าสามารถเริ่มต้นเช้าใช้งานคอมพิวเตอร์เสมือน หรือที่ IBM เรียกว่า LPAR แบบ Virtual Machine เปล่า หรือพร้อมระบบปฏิบัติการ AIX, IBM i และ Linux ได้ทันที รวมไปถึงการซื้อเป็น VM ที่มาพร้อมกับ Red Hat OpenShift หรือแม้แต่ SAP HANA ก็มีให้บริการเช่นกัน
โดยที่ลูกค้าสามารถย้ายระบบงานทั้ง Development, Test หรือแม้แต่ Production ในดาต้าเซ็นเตอร์ไปใช้บน PowerVS ที่อยู่บนคลาวด์ของ IBM ต่าง ๆ ทั่วโลกได้ทันที โดยไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือติดตั้งโปรแกรมใหม่แต่อย่างใด ทำให้ลูกค้าย้ายไปใช้งานบนคลาวด์ของ PowerVS ได้ง่าย รวดเร็วทันใจ และไม่ต้องเสียเวลาและกำลังคนมากมายอีกด้วย นอกจากนี้ ในกรณีที่องค์กรกำลังมองหาระบบ DR (Disaster Recovery) สำหรับแพลตฟอร์ม Power Systems ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเช่าใช้ทรัพยากรบนคลาวด์ของ PowerVS เท่ากับระบบ Production แต่สามารถเริ่มต้นใช้งานด้วยทรัพยากรขั้นต่ำที่จำเป็นก่อนหรือน้อยที่สุดเพียงแค่ 1 ซีพียูคอร์ ลูกค้าสามารถอุ่นใจได้ว่าเมื่อระบบหลักเกิดปัญหาและมีความจำเป็นต้องใช้งานระบบ DR เมื่อไหร่ ก็ค่อยทำการเพิ่มทรัพยากรบน PowerVS ให้เพียงพอได้ทันที ซึ่งวิธีนี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้องค์กรได้มากทีเดียว และเป็นจุดเด่นสำคัญที่ลูกค้า IBM Power ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
การย้ายระบบงานจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งได้ทันที ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการย้ายระบบงานขึ้นคลาวด์ของ PowerVS เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หากลูกค้าเก่าและปัจจุบันที่ใช้เครื่อง IBM Power Systems รุ่นเก่าไม่ว่าจะเป็น POWER9, POWER8, POWER7 หรือเก่ากว่านั้น ก็สามารถย้าย LPAR หรือระบบงานไปทำงานบน Power10 รุ่นใหม่ทั้งบน On-prem และบน PowerVS ได้ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันหรือฐานข้อมูลใดๆ ก็ตาม หากทำงานบน LPAR และ PowerVM หากต้องการทดสอบการทำงานหรือคุณสมบัติต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจก่อนจะลงทุนซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ Power10 ใหม่ สามารถติดต่อตามรายละเอียดข้างล่างนี้ เพื่อให้ทางบริษัทได้ดูแลและแนะนำพร้อมให้ลูกค้าสามารถทดสอบได้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด
โทร 02 311 6881 #7151, 7156
Email : cu_mkt@cu.co.th
เขียนโดย
พิพัฒน์ เลขะชัยวรกุล, ผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์ IBM Server Solutions– บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด และ ธนกิจ โลเกศกวี, Presales Specialist – บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด