หน้าแรก Data Center ใครว่าประสิทธิภาพมาพร้อมกับความปลอดภัยไม่ได้ แกะกล่อง(ไม่ต้องสุ่ม) IBM Power10 เซิร์ฟเวอร์ที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับทุกธุรกิจ

ใครว่าประสิทธิภาพมาพร้อมกับความปลอดภัยไม่ได้ แกะกล่อง(ไม่ต้องสุ่ม) IBM Power10 เซิร์ฟเวอร์ที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับทุกธุรกิจ

แบ่งปัน

IBM Power10 เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ในตระกูล Power Systems ที่อยู่คู่กับทุกธุรกิจมายาวนานกว่า 40 ปี คือขุมพลังอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยเต็มสูบ สำหรับแอปพลิเคชันหลักของทุกธุรกิจทุกอุตสาหกรรม และเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้องค์กรสามารถตอบโจทย์ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมซีพียูขนาด 7 นาโนเมตร ที่ภายในบรรจุทรานซิสเตอร์กว่า 18,000 ล้านทรานซิสเตอร์ แต่ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถสร้างได้ เร็วและแรงกว่าซีพียู POWER9 รุ่นก่อนหน้าถึง 3 เท่า เหมาะกับองค์กรที่จะเลือกใช้เป็นแพลตฟอร์มหลักทางด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งในดาต้าเซ็นเตอร์ และการใช้งานบนคลาวด์ เพื่อเพิ่มทั้งประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัยโดยรวมให้สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้ทันที ลูกค้าและบริษัทคู่ค้าทั่วโลก รวมไปถึง อาทิ SAP, Oracle ต่างก็ขานรับการมาของ Power10 เป็นอย่างดี เห็นได้จากผลทดสอบประสิทธิภาพหรือ Benchmarking จากผู้ผลิตซอฟต์แวร์ธุรกิจที่มีชื่อเสียง อาทิ SAP, Red Hat, Spec.org โดยได้อันดับหนึ่งหลายผลทดสอบอีกด้วย

นวัตกรรมขั้นสูงของ IBM Power10

จัดเต็มกับประสิทธิภาพอันทรงพลังของ Power10 ที่สำหรับระบบงานในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดคลาวด์ ที่ทาง IBM ใส่ใจและอัดแน่นด้วยนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น

  • ซีพียูเล็กที่สุด 7 นาโนเมตร พร้อมประหยัดพลังงาน เป็นครั้งแรกที่ IBM พัฒนาชิปเซ็ตด้วยเทคโนโลยีการผลิตเชิงพาณิชย์ที่ทันสมัยที่สุด เพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลเร็วแรงกว่ารุ่นเดิมถึง 3 เท่าลดปัญหาคอขวดของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ทันที ขับเคลื่อนประสิทธิภาพและลดต้นทุนจากการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง แต่ได้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น และทำงานได้มากขึ้นด้วย
  • มาพร้อมชุดคำสั่งให้ประมวลผล Machine Learning ได้เร็วขึ้นกว่า 5 เท่า Power10 มาพร้อมกับชุดคำสั่ง Matrix Math Accelerator (MMA) ที่ยอดเยี่ยมในการประมวลผล AI และ Machine Learning โดยไม่จำเป็นต้องใช้ GPU ราคาแพง ให้ผลทดสอบ FP32, BFloat16 และ INT8 ได้สูงถึง 10, 15 และ 20 เท่า ตามลำดับ และในอนาคตยังจะมีการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมมาอีกในไม่ช้า
  • สามารถทำคลัสเตอร์ของหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 64 เพตาไบต์ – พร้อมเทคโนโลยีใหม่ Memory Inception ที่ทำให้ซ๊พียูสามารถรวมเอาหน่วยความจำทั้งหมดทำทำงานร่วมกันแบบคลัสเตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขั้นสูงในการประมวลผลที่ซับซ้อน
  • ปกป้องข้อมูลส่วนตัวและสำคัญทางธุรกิจ พร้อมชิปเซ็ตเข้ารหัสถึง 4 เท่า – Power10 พร้อมรองรับ PDPA (Personal Data Protection Act) ชิปเข้ารหัสข้อมูลถึง 4 ตัว ที่ช่วยในการเข้ารหัสข้อมูลภายในเครื่องได้เร็วเพิ่มขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า บนทั้ง AIX, IBM i และ Linux โดยไม่กระทบการทำงานปกติ และยังมีเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อช่วยจัดการกับการป้องกันไวรัส, Ransomware, Compliance และการพิสูจน์ตัวตนหลายช่องทาง (Multi-factor Authentication – MFA) ด้วย PowerSC ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับบริหาร Cybersecurity สำหรับไฮบริดคลาวด์โดยเฉพาะ
  • เซิร์ฟเวอร์ที่น่าเชื่อถือที่สุด – โดยสถาบัน ITIC (Information Technology Intelligence Consulting) ได้ทดสอบและให้คะแนนความน่าเชื่อถือในระดับฮาร์ดแวร์ของ AIX และ Linux บน IBM Power Systems เป็นอันดับ 1 มาตลอดกว่า 13 ปีติดต่อกัน โดยรองรับ SLA มากกว่า 99.999 % หรือมี Downtime น้อยกว่า 2 นาทีเท่านั้น

ให้ความสำคัญกับทั้งลูกค้าเก่า และระบบงานสำหรับอนาคต

ระบบปฏิบัติการ AIX และ IBM i ที่เป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับองค์กรในหลากหลายธุรกิจอุตสาหกรรมทั่วโลก และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมั่นใจกับ AIX และ IBM i มาตลอด ด้วยสิ่งที่ IBM ไม่เคยทอดทิ้งคือ ไม่ว่า IBM Power จะออกใหม่มากี่รุ่นก็ตาม ลูกค้าเดิมจะได้รับการแนะนำวิธีการย้ายระบบงานเดิมบนเครื่อง Power รุ่นเก่า ไปยังรุ่นใหม่ง่ายๆ ทำให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายในการทดสอบและอัพเกรดระบบโดยไม่จำเป็น และยังคงเป็นเช่นนั้นสำหรับ Power10 รุ่นใหม่ ยังสามารถใช้งาน AIX และ IBM i เวอร์ชันที่ออกมาเมื่อ 2-3 ปีก่อนได้เช่นเดิม รวมไปถึงเครื่องมือ runtime ต่างๆ ที่ใช้ในการพัฒนาและเรียกใช้งานโปรแกรมอีกด้วย และยังช่วยลูกค้าลงทุนด้านฮาร์ดแวร์น้อยลง เพราะยังสามารถติดตั้งทั้งแอฟพลิเคชันใหม่ๆ ที่พัฒนาในรูปแบบ Cloud Native หรือ Microservice บน Container บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์เดียวกับระบบงานเดิมที่ใช้ AIX หรือ IBM i ได้พร้อมกัน หากมีทรัพยากรเพียงพอ ไม่ว่าจะติดตั้งใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ หรือบนคลาวด์ที่มีเครื่อง Power Systems ให้บริการก็ตาม

ไม่ว่าลูกค้าจะติดตั้ง AIX, IBM i, หรือลีนุกซ์ บนเครื่อง Power10 ก็ตาม ก็สามารถได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์หรือคุณสมบัติใหม่ๆ จาก Power10 ด้วยเช่นกัน  เช่น การเข้ารหัสข้อมูลภายในหน่วยความจำด้วย Memory Encryption การป้องกันทางด้าน Cyber Attack และ Ransomware ด้วยการจัดสรรทรัพยากรในแต่ละพาร์ทิชันออกจากกันอย่างเด็ดขาด ถึงแม้จะทำงานอยู่บนฮาร์ดแวร์เครื่องเดียวกันก็ตาม การใช้งานร่วมกับเครื่องมือด้าน Cybersecurity ที่ชื่อว่า PowerSC หรือการเข้ารหัสข้อมูลบนอุปกรณ์สตอเรจด้วยฟีเจอร์ Cyber Vault เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติที่แยกย่อยไปตามแต่ละระบบปฏิบัติการเฉพาะอีกด้วย เช่น AIX สามารถทำงานร่วมกับโอเพ่นซอร์ส ได้อย่างไร้ปัญหา เช่น การเข้ารหัสและบีบอัดข้อมูล การพัฒนาโปรแกรมและนำไปใช้งานต่างแพลตฟอร์มได้โดยมีคอมไพเลอร์ขั้นสูงที่ช่วยให้นักพัฒนามั่นใจว่าโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาบนระบบปฏิบัติการหนึ่ง ไปทำงานหรือรันโปรแกรมดังกล่าวบนอีกระบบปฏิบัติการหนึ่งได้ทันที เช่น การเอาโมเดล AI ที่พัฒนาบนลีนุกซ์หรือเครื่อง x86 แล้วมาทำงานบน AIX ได้ทันที เป็นต้น

หรือระบบ IBM i ที่มีพาร์ทเนอร์ของ IBM ที่เข้มแข็ง หลายคนอาจจะคิดว่า IBM i จะมีแต่การใช้กับระบบงานเก่าๆ ที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก หรือรอวันตาย แต่จริงๆ แล้ว IBM i มีการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาอยู่ตลอด และมีการพัฒนาโปรแกรมทางธุรกิจเวอร์ชันใหม่ๆ มารองรับกับ Roadmap ของ IBM i และ Power Systems อาทิ โปรแกรมระบบ ERP ที่กลุ่มลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมใช้งานอยู่บนแพลตฟอร์ม IBM i มาอย่างยาวนานและเหนียวแน่น นอกจากนี้ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ปัจจุบัน IBM i ยังรองรับภาษาโปรแกรมใหม่ เช่น php, R, python, Java ทำให้นักพัฒนาโปรแกรมใหม่ๆ หรือ DevOps สามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาที่คุ้นเคย โดยไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ให้เสียเวลา รวมไปถึงสามารถติดตั้งโปรแกรมโอเพ่นซอร์ส  รองรับการการผสานเข้ากับฐานข้อมูล Db2 หรือโปรแกรมหลักที่ใช้ภาษา RPG ได้ทันทีอย่างไม่มีปัญหา ในด้านประสิทธิภาพการทำงานของ IBM i บนเครื่อง Power10 ตัวล่าสุด สามารถดึงเอาประสิทธิภาพเชิงลึกและทรูพุตสูงสุดของฮาร์ดแวร์อย่างเต็มที่ไม่ว่าโปรแกรมนั้นจะใช้งานแบบ Single-threading หรือ multi-threading ก็ตาม

อีกการทำงานหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ Power10 นั้นยังสนับสนุนการติดตั้งใช้งานหรือรันแอฟพลิเคชันในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดคลาวด์ และ Cloud Native Platform ระดับ Enterprise ด้วย Red Hat® OpenShift® Container Platform (RH OCP) และชุดโปรแกรมเพื่อธุรกิจ IBM Cloud Pak® ที่มีพื้นฐานอยู่บนโครงสร้างพื้นฐานแบบ Container และโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้งาน เช่น Kubernetes, Dockers, MongoDB, PostgreSQL, NGINX, Node.JS, Jenkin และอีกมากมาย

ทำให้ลูกค้าที่เลือกใช้งาน Power10 มั่นใจได้ว่า คุณได้เลือกเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่มีทั้งประสิทธิภาพ เสถียรภาพ ความปลอดภัย ความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนให้ระบบมีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา รองรับการทำงานทั้งในวันนี้และวันหน้าอย่างคุ้มค่าการลงทุน พร้อมสร้างความมั่นใจ ความยึดหยุ่น การประหยัดพลังงาน และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจองค์กรในทุกภาคอุตสาหกรรมเป็นของแถมอีกด้วย

ที่หนึ่งด้านความปลอดภัยอันเหนือชั้น(กว่า)

Power10 ถูกพัฒนาให้มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น รวมถึงมีคุณสมบัติด้านความมั่นคงและทนทานที่ทุกองค์กรต่างก็มองหา โดยเมื่อพูดถึงความปลอดภัย สามารถยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น เช่น ในส่วนของ Hypervisor ของ Power Systems ที่ใช้ชื่อว่า PowerVM ที่ติดตั้งมากับเครื่องเซิร์ฟเวอร์อย่างแนบแน่นกับทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในเครื่อง เฟิร์มแวร์ และระบบปฏิบัติการทุกตังที่รองรับด้วยประสิทธิภาพสูงที่สุด

IBM Power10 ยังเสนอการเข้ารหัสหน่วยความจำในระดับล่างคือมีชุดคำสั่งในการเข้ารหัสและรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าแบบ end-to-end ให้เป็นไปตามกฎหมาย PDPA ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยไม่ลดประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ ต้องขอบคุณที่ IBM ได้ฝังชิปเข้ารหัส AES ไว้ถึง 4 ชุด ทำให้การประมวลข้อมูลที่เข้ารหัสรวมไปถึงการถอดรหัสทำได้อย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก และยังไม่กระทบกับการทำงานของระบบงานหลักหรือไปเบียดเบียนทรัพยากรของระบบเพื่อการเข้าและถอดรหัสนั่นเอง สร้างภูมิต้านทานให้ข้อมูลสำคัญและข้อมูลที่ต้องการดูแลต่อการไล่แกะถอดรหัสกุญแจจากเครื่องคำนวณควอนตัม ป้องกันการเข้าและถอดรหัสให้ปลอดภัยจากการโจมตีรูปแบบใหม่ด้วยเทคโนโลยีควอนตัมความเร็วสูง (Quantum-Safe Cryptography) และรองรับการทำงานที่เรียกว่า Fully Homomorphic Encryption หรือการเข้ารหัสด้วยโมเดลทางคณิตศาสตร์ ที่สามารถนำข้อมูลที่เข้ารหัสอยู่ ไปประมวลผลต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาถอดรหัสก่อนหรือต้องเข้ารหัสใหม่ให้ยุ่งยาก

และด้วยเทรนด์ในการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ๆ หรือการปรับปรุงแอปพลิเคชันเดิมให้เป็นรูปแบบ Cloud Native หรือ Microservices กันมากขึ้น ทำให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีจำเป็นจะต้องรองรับและปลอดภัยมั่นใจที่จะทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์กันอย่างหนาแน่นและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของระบบให้คุ้มค่าที่สุด Power10 ไม่ลืมที่จะใส่ความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้กับคอนเทนเนอร์และแอปพลิเคชันเล็กๆ เหล่านั้นอย่างดีที่สุด และให้มากกว่าเซิร์ฟเวอร์ยี่ห้ออื่นในท้องตลาด คือการตรวจสอบการทำงานถึงระดับฮาร์ดแวร์และเฟิร์มแวร์ของเครื่อง Power10 และยังติดตามตรวจสอบไปจนถึงการบูตคอนเทนเนอร์และเครื่องเสมือน (Virtual Machine) แต่ละตัวเพื่อตรวจสอบว่ามีการแก้ไขหรือสร้างโค้ดแปลกปลอมหรือมีมัลแวร์ฝังตัวอยู่ในเครื่องหรือไม่ หากก่อนหรือระหว่างการบูตระบบตรวจสอบพบความผิดปกติดังกล่าว ก็จะคัดแยกและกักกันคอนเทนเนอร์หรือเครื่องเสมือนเหล่านั้น ออกจากเครือข่ายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสและมัลแวร์ไปยังเครื่องอื่นๆ ในเครือข่าย ลดผลกระทบจากการบุกรุกได้เป็นอย่างดีนั่นเอง คุณสมบัตินี้ถูกรวมไว้ในโปรแกรมเสริม IBM PowerSC 2.0 เพื่อการบริหารจัดการและตรวจสอบด้านความปลอดภัยรองรับเครือข่ายไฮบริดคลาวด์สำหรับ IBM Power Systems ได้อย่างทั่วถึง

นอกจากการตรวจสอบการบูตที่ผิดปกติของทั้งคอนเทนเนอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์เสมือนแล้ว PowerSC 2.0 ยังสามารถแจ้งเตือนปัญหาและการโจมตีจากผู้บุกรุกได้อย่างทันท่วงทีแบบเรียลไทม์ ก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้นกับธุรกิจองค์กร โดยสามารถปรับแต่งหรือตั้งค่าได้ตามต้องการ หรือจะสร้างโพรไฟล์หรือเทมเพลตของการตั้งค่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ระบบปฏิบัติการ การตั้งค่าของเครื่องเสมือน การตั้งค่าของคอนเทนเนอร์ ให้ตรงตามมาตรฐานช้อบังคับความปลอดภัยสากล หรือ Compliance ต่าง ๆ เช่น SOX, ISO 27001, PCI-DSS, HIPAA, GDPR, PDPA และอื่นๆ ตลอดจนการตั้งค่าด้วยตัวเอง ไปจนถึงการสร้างเกราะป้องกัน (Hardening) ให้กับแอปพลิเคชันที่ใช้งานอย่างแพร่หลายอย่าง SAP HANA, Oracle Database ให้ลูกค้าและธุรกิจองค์กรมั่นใจเต็มร้อยกับการฝากระบบงานสำคัญให้ทำงานบนเครื่อง Power10 อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด

เข้ากันได้กับโอเพ่นซอร์สยอดนิยมบนไฮบริดคลาวด์

ที่ผ่านมา Power Systems รุ่นก่อนๆ รวมถึงรุ่นล่าสุดที่เรากำลังคุยกันอยู่ในบทความนี้ อย่าง Power10 ที่หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่ารองรับฐานข้อมูลระดับองค์กรอย่าง Db2 หรือ Oracle และอื่นๆ ได้เร็วกว่าแพลตฟอร์ม x86 มากกว่า 2 เท่าได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าองค์กรจากหลากหลายภาคส่วนหลากหลายธุรกิจ แต่ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ POWER8 เป็นต้นมา IBM ยังต่อยอดให้ลูกค้ามีทางเลือกมากยิ่งขึ้นและใช้งานฐานข้อมูลโอเพ่นซอร์ส (OSDB) ได้เช่นเดียวกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นฐานข้อมูลประเภท RDBMS อาทิ PostgreSQL, EDB, MySQL, MariaDB และอื่นๆ หรือฐานข้อมูลประเภท NoSQL เช่น MongoDB หรือ Redis เป็นต้น สามารถเลือกติดตั้งใช้งานได้ทั้งแบบปกติ บนเครื่องเสมือนหรือ LPAR  หรือพัฒนาอยู่บนคอนเทนเนอร์ก็ได้ตามต้องการ

แกะกล่องอย่างหมดเปลือก

จากทั้งหมดที่กล่าวมา ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่น่าทึ่งและความสามารถที่โดดเด่น ทำให้ลูกค้าหลายรายทั่วโลกตั้งตารอการเปิดตัวของ Power10 เพื่อเลือกใช้งานเป็นแพลตฟอร์มหลักของระบบงานสำคัญต่างๆ ขององค์กร ควบคู่ไปกับการทำงานของแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในรูปแบบ Cloud Native ที่ทันสมัย คล่องตัวและยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนทรัพยากรของระบบได้อย่างอิสระและไดนามิกเต็มที่ ทำให้ลูกค้าหลายรายเลือกที่จะรันทั้งระบบงานเดิมในรูปแบบ Virtualization หรือเครื่องเสมือน และแอปพลิเคชันบนคอนเทนเนอร์ ไปพร้อมๆ กันได้โดยไม่มีผลกระทบซึ่งกันและกัน โดย IBM แนะนำให้ลูกค้าติดตั้งใช้งานคอนเทนเนอร์บนแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย มีสเถียรภาพสูง ใช้งานง่าย และลดเวลาในการพัฒนาและการ Deploy ใช้งาน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเครื่องมือที่ครบครันสำหรับการใช้งานร่วมกันภายในองค์กรบนพื้นฐานของโอเพ่นซอร์ส และการสนับสนุนทางด้านเทคนิคระดับเอ็นเตอร์ไพรส์

หากคุณมีแอปพลิเคชันที่หลากหลายแพลตฟอร์มทั้งบน AIX, IBM i, และลีนุกซ์ รวมไปถึงเริ่มต้นหรือวางแผนขยายไปสู่แอปพลิเคชันแบบ Cloud Native อีกไม่นาน และยิ่งถ้าองค์กรใช้งานเครื่อง Power Systems รุ่นเก่าอยู่แล้ว การตัดสินเลือกใช้หรือวางแผนเพื่ออัพเกรดเครื่องเซิร์ฟเวอร์สำหรับองค์กรในอนาคตอันใกล้ Power 10 น่าจะเป็นคำตอบแรกและคำตอบเดียวที่สมเหตุสมผล ยิ่งในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ที่หลายองค์กรพยายามหาทางลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย คุณจะไม่ผิดหวังกับ Power10 ที่ทำให้องค์กรประหยัดขึ้นอย่างน้อย 10% ทันทีที่เลือกใช้ ด้วยการเริ่มต้นจากระบบเล็กๆ และค่อยๆ ขยายเพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยได้ตามการเติบโต หรือธุรกิจไม่สามารถคาดการณ์ปริมาณการใช้งานเติบโตได้อย่างชัดเจน ลดความเสี่ยงที่จะต้องเสียเงินสำหรับระบบไอทีที่แพงกว่าในระยะยาว หรือถ้าหากองค์กรไม่มีงบประมาณที่จัดสรรไว้ล่วงหน้า การเลือกลงทุนแบบ Pay-per-use หรือจ่ายเงินเท่าที่ใช้งานจริง ทั้งในรูปแบบ Private Cloud ด้วยเครื่อง Power10 หรือเช่าใช้งานบน Public Cloud ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า Power Virtual Server ที่สามารถเลือกสเปคเครื่องเสมือนรวมถึงระบบแวดล้อมอื่นๆ บน IBM Cloud ที่มีดาต้าเซ็นเตอร์กระจายอยู่ถึง 15 แห่งทั่วโลก ให้คุณจ่ายเงินอย่างสมเหตุสมผลและตรงตามความต้องการมากที่สุด

สำหรับผู้ที่สนใจ IBM Power10 ในคุณสมบัติดังที่ได้กล่าวมาแล้ว หรือต้องการทราบฟีเจอร์อื่นๆ เพิ่มเติม สามารถติดต่อฝ่ายขายบริษัท เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อขอคำปรึกษาหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 

อีเมล์puttakan@metrosystems.co.th หรือ dsgmkt@metrosystems.co.th  โทร: 02-089-4994 หรือ 02-089-4456