หน้าแรก Home feature Hybrid IT พลังขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต ยกระดับการดำเนินงานได้อย่างสอดคล้อง

Hybrid IT พลังขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต ยกระดับการดำเนินงานได้อย่างสอดคล้อง

แบ่งปัน

ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิด “งาน” (workload) รูปแบบใหม่ ๆ ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ เผชิญกับความท้าทายจากการเร่งความเร็วในรูปแบบของการสร้าง และการดำเนินงานที่ซับซ้อนด้วยเทคโนโลยี รวมถึงกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในการวางรากฐาน เป้าหมาย การดำเนินธุรกิจ ตลอดจนขั้นตอนการทำงาน ทักษะของบุคลากร และวัฒนธรรมขององค์กร (Digital Transformation หรือ DX) เพื่อจัดวางระบบธุรกิจ และแอปพลิเคชันที่เหมาะสมที่สุดตามระดับบริการ แต่ต้องมีความปลอดภัย และเป็นการลงทุนที่เหมาะสม รวมถึงต้องเชื่อมโยงระบบไอทีเก่า ๆ ที่เป็น legacy ให้ยังต้องรันต่อไป ในขณะที่ขึ้นระบบใหม่ ๆ ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับการเปลี่ยนแปลงองค์กรธุรกิจให้เข้าสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

จากปัญหานี้เองทำให้ ฟูจิตสึ ต้องการแบบแผน ที่จะใช้ในการจัดการความท้าทายทางด้านธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วัน ด้วยบริการ ฟูจิตสึ ไฮบริด ไอที (Fujitsu Hybrid IT) ที่จะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานจากที่ใดก็ได้ (Work from Anywhere) ซึ่งช่วยลดภาระการปฏิบัติงาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงลดภาระการปฏิบัติงานในระบบไอที ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมไอทีแบบไฮบริดที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับธุรกิจของลูกค้า

คุณพรชัย พงศ์เอนกกุล หัวหน้ากลุ่ม DX Modernization บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด
ทำไมต้องเป็นฟูจิตสึ
Advertisement

“ Fujitsu Hybrid IT Service เป็นโซลูชันที่รวมบริการ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์, ศูนย์ข้อมูล, เครือข่าย, ความปลอดภัย, การทำงานของระบบ และการบำรุงรักษา ผ่านทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เข้ากับองค์ความรู้เชิงปฏิบัติที่ได้รับจากโซลูชันต่าง ๆ ทั้งจากพันธมิตรชั้นนำ “ คุณพรชัย พงศ์เอนกกุล หัวหน้ากลุ่ม DX Modernization บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ฟูจิตสึ มีทีมงานที่มีประสบการณ์ และความรู้ พร้อมนำเสนอชุดบริการต่าง ๆ รวมถึงการประเมิน การให้คำปรึกษา การโยกย้าย การก่อสร้าง และการดำเนินงาน ที่จำเป็นในการย้ายระบบที่มีอยู่ไปยังสภาพแวดล้อมไอทีแบบไฮบริดผ่านโซลูชันที่เหมาะสมที่สุด เช่น การโยกย้ายระบบคลาวด์เดิมไปยังผู้ให้บริการคลาวด์ อื่น ๆ โดยไม่รบกวนการใช้งานในปัจจุบัน เป็นต้น


โซลูชันภายใน Fujitsu Hybrid IT Service ครอบคลุมตั้งแต่ การเชื่อมต่อการสื่อสารที่เหมาะสำหรับการรับ-ส่งข้อมูลขนาดใหญ่​ (DC-DR Migrate) ที่ต้องการความเร็วสูงเป็นพิเศษระหว่างศูนย์ข้อมูลหลัก และศูนย์สำรองข้อมูล (DR Site) ซึ่งครอบคลุมทั้งอุปกรณ์ และแอปพลิเคชันได้ในทุก ๆ ที่ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานเพียงหนึ่งเดียวทั้งที่อยู่บน On Premises และ Cloud, บริการโยกย้าย และออกแบบโปรแกรม ERP อย่าง SAP ขึ้นไปอยู่บนคลาวด์อย่างเหมาะสม, บริการการแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการใช้งาน การกำหนด และวางแผนเพิ่มความปลอดภัย (Secure Remote Worker) สำหรับการทำงานที่รองรับการทำงานจากที่ใดก็ได้, บริการเครื่องจำลองเสมือน (เครื่องคอมของออฟฟิศที่ไปตั้งอยู่บนคลาวด์) ที่สามารถรีโมตผ่านบราวเซอร์ไปใช้ได้, บริการการปรับปรุง (Develop) ด้วยการนำวิธีการทํางานใหม่ซึ่งสามารถปฏิบัติตามได้ และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่นําไปทดลองปฏิบัติจริง และบริการดูแลข้อมูล (Data) ที่อยู่บนคลาวด์ต่าง ๆ ที่จะนำไปใช้เพื่อการวิเคราะห์โดยทีม Data Scientists และ Data Engineer

นอกจากนี้ Fujitsu Hybrid IT Service ยังร่วมมือกับพาทเนอร์ชั้นนำ (Cloud Foundation Platform) กว่า 30 แห่งทั่วโลก อาทิ Microsoft, AWS, VMmare และคลาวด์ของฟูจิตสึ (BaaS/EMS/DMS) เอง โดยช่วยประเมินระบบเดิม (On Premises) และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจ โดยนำเสนอกลุ่มทรัพยากรสาธารณะ และส่วนตัวใหม่ที่สามารถจัดการจากส่วนกลางผ่านพอร์ทัลเดียว ซึ่งสามารถระบุหากอยู่จะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร หากย้ายไปบนคลาวด์จะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร และจะย้ายระบบในส่วนใด วิธีการดูแล สำรองข้อมูล ด้วยทีมงานที่จะคอยช่วยดูแลข้อมูล และคอยบริหารข้อมูลบนคลาว์ที่อยู่ในประเทศ (Local cloud and cloud managed service offering) ในรูปแบบของบริการต่าง ๆ

อาทิ บริการให้เช่าพื้นที่สำหรับการวางเซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้บริการระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือบริการอื่น ๆ บนเครือข่ายกับผู้ให้บริการบนดาต้าเซ็นเตอร์ที่เชื่อถือได้, บริการตรวจสอบพร้อมจัดการระบบ (Monitoring Services) ไม่ว่าจะเป็น การสำรองข้อมูล การจัดการ System และ Network, บริการ Media Management, บริการการเตรียมสถานที่ (Site Prep), บริการทางด้าน Network Link, บริการ (Remote Infrastructure Management : RIM), บริการจัดสรรทรัพยากรจากพาทเนอร์ ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ (Managed Subscription) ไม่ว่าจะเป็น Vmware, RedHat, MS (SPLA), Veeam ฯลฯ, บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Service : LCP- IaaS), บริการการสำรอง และการจัดเก็บข้อมูลให้มีความปลอดภัยผ่านเครือข่ายคลาวด์ (Backup as a Service : BaaS) และการกู้คืนระบบเพื่อป้องกันความสูญเสีย ในกรณีที่อาจเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ (Disaster Recovery as a Service : DRaaS), บริการโฮสติ้ง (Hosting Service) ที่สามารถเช่าใช้วางเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ ทั้งหมดนี้ในศูนย์ข้อมูลทั้ง 2 แห่ง (DC I และ DC II) ของฟูจิตสึ ที่ได้มาตรฐานสากล ทั้งในเรื่อง ระบบไฟฟ้า, สิ่งแวดล้อม, ระบบรักษาความปลอดภัย และการเชื่อมต่อเครือข่าย พร้อมทั้งมีศูนย์ปฏิบัติการ (Operation Center / Service Desk) คอยช่วยเหลือแบบ 24×7 ทั้งในรูปแบบการแจ้งเตือน และการช่วยเหลือจากของทีมงานฟูจิตสึ

ที่มีโซลูชันที่คอยดูแลการเปลี่ยนแปลง การกำหนดค่า และการจัดการ เน็ตเวิร์ค (Network Configuration Manager) หรือ EMS ซึ่งช่วยให้ทำงานอัตโนมัติ และควบคุมการจัดการ และการกำหนดค่าอุปกรณ์ได้ และเป็นไปตามตามข้อกำหนด (NCCM) ไม่ว่าจะเป็นคลาวด์แบบใดก็ตาม

ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโยกขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ แฟลตฟอร์ม ได้อย่างรวดเร็ว และบริหารจัดการ Infrastructure ได้อย่างเหมาะสมทำให้สามารถเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน

หากองค์กร ที่สนใจนำ Fujitsu Hybrid IT ไปประยุกต์ใช้งานในองค์กร สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมไปงานงานสัมมนาออนไลน์ FUJITSU New Normal Digital Service Expo ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ที่จะถึงนี้

สามารถคลิกลงทะเบียนได้ที่นี่

องค์กรที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด อาคาร เอ็กเชน ทาวเวอร์ ชั้น 22-23
เลขที่ 388 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทร. + 66 (0) 2302 1500 แฟ็กซ์ + 66 (0) 2302 1555
http://th.fujitsu.com