หน้าแรก News & Event AIS The StartUp ชี้ถึงเวลาสตาร์ทอัพไทยอัพสกิล การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และวิเคราะห์ความเสี่ยง บนหลัก ESG

AIS The StartUp ชี้ถึงเวลาสตาร์ทอัพไทยอัพสกิล การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และวิเคราะห์ความเสี่ยง บนหลัก ESG

แบ่งปัน

AIS The StartUp ตอกย้ำเป้าหมายการเป็นพาร์ทเนอร์ที่พร้อมผลักดันและสนับสนุนการทำงานของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและ Tech SMEs ไทย ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิดที่สร้างการเติบโตแบบร่วมกันหรือ Partnership for Inclusive Growth” โดยมุ่งนำขีดความสามารถของดิจิทัลโครงข่าย เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม เชื่อมต่อการเข้าถึงขยายการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการแบ่งปันองค์ความรู้แขนงต่างๆ ที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ

โดยเฉพาะในประเด็นด้านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลักการ ESG (Environment, Social, Governance) ที่วันนี้ AIS The StartUp ได้ลุกขึ้นมาทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในวงการทั้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup Association) ในการ “สร้าง เสริม และต่อยอด” หลักการด้าน ESG ภายใต้โครงการ “ESG to Capital for Tech Entrepreneurs” ที่จะช่วยเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพมีความเข้าใจในการประยุกต์ใช้หลักการด้าน ESG เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการลงทุนและการประเมินมูลค่าบริษัท โดยเฉพาะการวางรากฐานหลักธรรมาภิบาลในมิติต่างๆ เช่น ธรรมาภิบาลองค์กร (Corporate Governance), ธรรมาภิบาลการสร้างพันธมิตร (Partnership Governance), ธรรมาภิบาลทางการเงิน (Financial Governance),  หรือ การกำกับดูแลผู้ถือหุ้น (Shareholder Governance) เป็นต้น อันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะได้รับความเชื่อมั่น และพร้อมทางการแข่งขันในตลาดทุน

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการด้าน AIS The StartUp กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายการทำงานหลักของ AIS The StartUp คือการเป็นเพื่อนคู่คิดกับผู้ประกอบการเพื่อร่วมกันหาโอกาสและสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ทำให้ที่ผ่านมานอกเหนือจากการนำศักยภาพของดิจิทัลโครงข่าย เทคโนโลยีโซลูชัน หรือแม้แต่ช่องทางในการเข้าถึงฐานลูกค้าของ AIS พาร์ทเนอร์และบริษัทในกลุ่มแล้ว เรายังเติมเต็มสิ่งที่เป็นเสาหลักของการดำเนินธุรกิจอย่างองค์ความรู้ในด้านต่างๆ อย่างในปีที่ผ่านมาเราจัด IPO Brotherhood ซึ่งเป็น Exclusive Knowledge Sharing ในเรื่องการบริหารจัดการองค์กรในมิติต่างๆ แบบมืออาชีพ อาทิ การวางโครงสร้างของระบบไอที, ข้อกฎหมายในธุรกิจดิจิทัล หรือแม้แต่วิธีการจัดการกับการสื่อสารในช่วงวิกฤติ ซึ่งทั้งหมดล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ