หน้าแรก Internet of Things บัญญัติ 10 ประการ ที่ควรพึงตระหนักเมื่อต้องทำงานอยู่ที่บ้าน

บัญญัติ 10 ประการ ที่ควรพึงตระหนักเมื่อต้องทำงานอยู่ที่บ้าน

แบ่งปัน
Image credit : Pixabay

ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องการแพร่ระบาดของโรคร้าย Covid-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนวิถีการทำงานของคนปัจจุบันให้มีโอกาสและสามารถทำงานอยู่ที่บ้านมากขึ้นเนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในบ้านให้มากที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสและการติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อมภายนอก

ถึงแม้จะเป็นวิกฤติแต่ถือว่าเป็นโอกาสที่จะสร้างวัฒนธรรมในการทำงานรูปแบบใหม่ขึ้นมาจากเดิมที่ต้องไปนั่งทำงานที่ออฟฟิต ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วหลายๆ งานนั้นสามารถนั่งทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้ เช่นนี้แล้วก่อให้เกิดข้อดีตามมามากมาย ทั้งเรื่องของการประหยัดเวลาและทรัพยากรต่างๆ ทั้งนี้ก็ไม่ควรจะละทิ้งข้อเสียที่อาจจะมีได้บ้าง ซึ่งถ้าใครอยาก Work From Home จึงควรตระหนักในภาวะที่บีบบังคับให้เราต้องทำงานอยู่ที่บ้านเหล่านี้

1. วินัย
เมื่อพูดถึงการทำงานอยู่บ้านหลายคนจะต้องนึกว่าชีวิตนี้โคตรชิลไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องแต่งตัวหล่อๆ สวยๆ ก็สามารถทำงานหาเงินได้เหมือนกัน แต่…มันก็ใช่อ่ะนะ แต่…สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการรักษาวินัยของการทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่แสนจะชิล โดยเฉพาะวินัยเรื่องเวลาที่จะต้องมีการกำหนดเวลาให้ชัดเจนว่า เวลาไหนจะกินข้าว ทำงาน พักเบรกจิบกาแฟ ต้องรักษาเวลาให้ได้เสมือนหนึ่งว่าเราทำงานอยู่ที่ออฟฟิตทำได้แบบนี้แล้วก็จะหมดปัญหา โดยเฉพาะเรื่องผลลัพธ์ของงานที่ได้เราต้องเห็นใจองค์กรเราด้วยว่ามันต้องไม่ต่างจากการทำงานอยู่ที่ออฟฟิต ข้อดีคือ ดีไม่ดีประสิทธิภาพที่ได้นั้นจะได้มากกว่าที่เราทำงานที่ออฟฟิตซะอีก เพราะการทำงานอยู่ที่บ้านอาจทำให้เรามีสมาธิมากกว่าการนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิตที่มีบรรยากาศที่จ๊อกแจ๊กจอแจมากกว่าที่บ้านซะอีก

2.แผนการทำงาน
เป็นสิ่งที่ควรต้องทำอยู่แล้วไม่ว่าจะนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิตหรือที่บ้าน เพราะการมีแผนทำงานที่ดีจะทำให้เรามีกรอบในการปฏิบัติงาน ไม่ทำงานมั่วซั่วสะเปะสะปะ อาจจะเริ่มเล็กๆ จากการที่มาดูในแต่ละวันเช้ามาให้เวลาในการวางแผนว่าวันนี้จะทำอะไรบ้างช่วงเช้า ช่วงบ่ายจะทำอะไรกี่โมงจัดตารางสิ่งที่ต้องทำมาให้ชัดเจน สำหรับบางงานที่อาจไม่ใช่งานที่ต้องทำรายวันอาจต้องขยายเวลาออกมาให้กว้างขึ้นเช่นแผนรายสัปดาห์หรือรายเดือนว่าอาทิตยนี้หรือเดือนนี้เราจะทำอะไรถ้าลักษณะงานของเรามันต้องใช้เวลานาน และถึงแม้จะต้องใช้เวลานานในแต่ละโปรเจคงาน เราก็ยังคงสามารถแบ่งย่อยงานให้ละเอียดมากที่สุดเป็นรายสัปดาห์หรือรายวันได้ยิ่งดี

3.สิ่งแวดล้อม
การจัดสิ่งแวดล้อมในการทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพราะการทำงานอยู่บ้านมักจะต้องเผชิญกับสิ่งรบกวนค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก เมีย หมา แมว คนประกาศขายของ คนข้างบ้าน ต่างๆ นานาสารพัดที่จะต้องพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโต๊ะทำงานและห้องทำงาน ต้องเลือกสถานที่ที่เราจะนั่งทำงานที่เป็นส่วนตัวให้ห่างจากสิ่งรบกวนทั้งหลายถ้าบ้านไหนมีห้องทำงานก็แล้วไป แต่บางบ้านอาจจะไม่สะดวกต้องพยายามหาซักมุมหนึ่งในการนั่งทำงานให้เรามีสมาธิมากที่สุด บางคนใช้ห้องนอนนั่งทำงานมีโต๊ะทำงานก็ดีแต่อาจนั่งบนเตียงซักแปร๊บเผลอเอนหลับไป…อ้าวจบไม่ต้องทำงานกันพอดี

4. เครื่องมือ
สิ่งที่เป็นเครื่องมือให้เราสามารถนั่งทำงานอยู่ที่บ้านได้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอยู่เหมือนกันเพราะถ้าไร้เครื่องมือก็เหมือนมือปืนไม่มีปืน ดังนั้นเครื่องมือเครื่องไม้อุปกรณ์ต่างๆ เบื้องต้นต้องพร้อมใช้งานและคุณภาพต้องพอสมควรไม่จำเป็นต้องเว่อวังอลังการก็ได้ โดยทั่วไปแล้วเครื่องมือเบื้องต้นก็คือ คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น PC Notebook หรือ Tablet ตามใจชอบ กล้อง ไมโครโฟน เผื่อว่าต้องประชุมกัน นอกจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์แล้วทางด้านซอฟแวร์ก็จำเป็นไม่แพ้กันเพราะการทำงานอยู่คนละที่ทางนั้นการติดต่อสื่อสารนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง กล่าวคือจะทำยังไงให้สามารถสื่อสารกันได้เหมือนนั่งอยู่ที่ออฟฟิต ดังนั้นเครื่องมือในการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในการคุยกันผ่านเสียงหรือพิมพ์คุยกัน ซอฟแวร์ที่ใช้ประชุม การแชร์ไฟล์ระหว่างกัน เหล่านี้เบื้องต้นต้องพร้อมใช้งานและใช้งานได้ดีด้วย และที่แน่นอนว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากที่บ้านต้องดีมีเสถียรภาพความเร็วพอเพียงด้วย

5.ปลอดภัย
ความปลอดภัยในที่นี้เน้นเรื่องความปลอดภัยในการเชื่อมต่อผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเพราะว่าการทำงานของเรานั้นจะไม่เหมือนที่นั่งอยู่ที่ออฟฟิตใช้ระบบเครือข่ายขององค์กร แต่นี่เราอยู่ภายนอกและเชื่อมต่อเข้าสู่องค์กรเพื่อใช้ทรัพยากรต่างๆ ขององค์กรในการทำงาน เบื้องต้นนั้นควรต้องมีการเข้ารหัสการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายขององค์กรเนื่องจากจะได้มั่นใจในข้อมูลที่ผ่านเข้าและออกระหว่างบ้านไปยังองค์กรส่วนใหญ่แล้วก็มักจะใช้ระบบ VPN(Virtual Private Network) เป็นพิมพ์นิยมในปัจจุบันซึ่งก็ถือว่าโอเคใช้ได้ แต่ต้องไม่ลืมสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดของอุปกรณ์ที่เราใช้งานซึ่งส่วนใหญ่เราจะใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลักซึ่งมักจะมีปัญหากับมัลแวร์ประเภทต่างๆ ที่มารบกวนอยู่ตลอดเวลา แก้ปัญหาโดยควรต้องมีโปรแกรม Antivirus เป็นพื้นฐานให้กับคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานและควรต้องมีการอัพเดตแพตซ์ของ Antivirus กันอย่างสม่ำเสมอด้วย

Image credit : Pixabay

6.การสื่อสาร
นอกจากผลของงานที่ต้องได้รับเท่ากับการนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิตแล้ว สิ่งที่จะทำให้การทำงานที่บ้านประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งนั่นคือกระบวนการสื่อสารที่ต้องไม่ด้อยไปกว่าการอยู่ที่ออฟฟิตทั้งนี้อาจดีกว่าการนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิตด้วยซ้ำไป ซอฟแวร์ที่ช่วยในการสื่อสารทุกรูปแบบต้องจัดเต็มมาทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคุยกันด้วยเสียง หรือพิมพ์แชตโต้ตอบกัน มากไปกว่านั้นถ้าต้องการคุยกันเยอะๆ พร้อมๆ กันในทีเดียวหรือการประชุมออนไลน์ก็ต้องหาซอฟแวร์ที่มีความเหมาะสมกับองค์กรมาใช้งาน ที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาทำงานทุกคนต้องพร้อมออนไลน์อยู่ตลอดเวลาด้วยเพื่อการสื่อสารระหว่างกันในทีมที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าแอบไปงีบบนเตียงนอนจนไม่สนใจเพื่อนที่รอคำตอบจากเรานะจ๊ะ

7. Productivity vs creativity
เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควรในสไตล์การทำงานของคนเราว่าใครทำงานแบบ Productivity นั่นคือได้ปริมาณ และแบบ Creativity ทำอย่างสร้างสรรค์ ทั้งที่ทั้งสองแบบควรมีการรักษาสมดุลกันให้ดีๆ เนื่องจากมันมีประโยชน์ทั้งสองแบบ แบบใดแบบหนึ่งมากหรือน้อยเกินไปไม่ควรจะดี ปกติแล้วการทำงานให้ได้ปริมาณมักต้องใช้สมาธิพอสมควรเนื่องจากการที่เราจะทำอะไรให้ได้เยอะๆ มันต้องมีโฟกัส และโฟกัสนี่แหละที่จะทำให้เราได้ปริมาณงานที่เยอะๆ โดยโฟกัสนั้นมันต้องสร้างจากสมาธิที่ดีก่อนซึ่งในออฟฟิตบางที่สิ่งแวดล้อมก็เอื้ออำนวยมีบริเวณส่วนตัวพอสมควรแต่ละคนเคารพซึ่งกันและกันไม่ทำให้เพื่อนเดือดร้อนรำคาญก็ดีไป แต่บางที่นี่ออฟฟิตอย่างกับตลาดนัดจ๊อกแจ๊กจอแจซึ่งก็จะทำให้เรามีสมาธิน้อยลงไม่โฟกัสและผลคือปริมาณงานอาจไม่ดีเท่าที่ควร ต่างกับการมีสมาธินั่งทำงานอยู่ที่บ้านเงียบๆ คนเดียวอาจได้ปริมาณงานที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า ในส่วนของความสร้างสรรค์นั้นอาจต้องอาศัยทั้งสองส่วนนั่นคือการได้พบปะเพื่อนฝูงได้มีการแลกเปลี่ยนกันทางความคิดโต้ตอบหารือช่วยกันคิดซึ่ง Work From Home อาจสามารถทดแทนกันได้ด้วยระบบประชุมออนไลน์ที่ดี ทุกคนเข้าใจและสามารถใช้เครื่องมือได้อย่างชำนาญ และหลังจากได้ประมือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปพอสมควรแล้วการต่อยอดเพื่อให้ได้สิ่งที่สร้างสรรค์นั้นอาจต้องอาศัยการปลีกวิเวกทำสมาธิเพื่อนำแนวคิดจากการหารือกันมาตกผลึกต่อยอดสร้างสรรค์กันต่อไป

8. ประหยัดเวลา
เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อเราใช้ชีวิตนั่งทำงานอยู่บ้านมันทำให้เราเกิดการประหยัดไปซะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเวลาที่จะต้องเดินทาง เวลาในการอาบน้ำแต่งสวย แต่งหล่อ ยกเว้นค่าไฟแอร์ที่อาจต้องยอมเสียจากที่ก่อนหน้าอาศัยแอร์ที่ออฟฟิตมาตลอด นอกจากเรื่องการประหยัดเวลาแล้วเราอาจได้ประหยัดเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกเล็กน้อยไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าอาหารจากที่มักจะนัดเพื่อนฝูงไปหาร้านอาหารอร่อยๆ มื้อเที่ยงบ่อยๆ ก็เปลี่ยนเป็นหาอะไรง่ายๆ กินในบ้านยิ่งถ้าเป็นคนโสดปากเดียวก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่สั่งอาหาร Delivery มากินง่ายๆ ไม่ต้องทำเอง ไม่ต้องไปหาวัตถุดิบให้เสียเวลาเสี่ยงติดโรค หรือบางคนประหยัดซะจนมาม่าแทบทุกมื้ออันนี้ก็ต้องระวัง

9. อิสรภาพ vs ความรับผิดชอบ
ใครที่สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้นี่บางทีอาจทำให้เพื่อนๆ คนอื่นอิจฉาที่สามารถทำงานได้โดยอิสระไม่ต้องมีเจ้านายนั่งเฝ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ใช่ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่งตามมานั่นคือความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีให้กับหน่วยงานองค์กรของเราเพราะอย่าลืมว่าหน่วยงานของเรานั้นยังต้องจ่ายเงินเดือนให้เราอยู่ในช่วงที่เราทำงานอยู่บ้านดังนั้นจงจำให้ขึ้นใจอยู่ตลอดเวลาว่า “จงทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนที่เค้าจ่ายให้เรา” และสิ่งที่จะทำให้เราสามารถรักษาความรับผิดชอบได้นั้นให้กลับไปดูในข้อที่ 1 วินัย ตัวเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เราเป็นคนที่มีคุณค่าไม่ว่าคุณจะนั่งทำงานอยู่ที่ดาวดวงไหนก็ตาม

10. พักผ่อน
บางครั้งการที่เรามีสมาธิที่มากเกินไปกว่าการนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิตอาจทำให้เราเพลินซะจนลืมเวลา อาจทำให้เรานั่งยาวจนเกินควร นอกจากการมีวินัยในการจัดเวลาในการทำงานให้เป็นระเบียบแล้ว เช่นเดียวกันเราก็ควรมีวินัยในการพักผ่อนอิริยาบถด้วยเช่นเดียวกัน มันก็ไม่ต่างจากการที่เรานั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิตนั่นแหละ ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีเราควรละสายตาจากหน้าจอไปบ้างชั่วโมงละรอบก็ยังดี ออกไปเดินพบปะกับผู้คนโลกภายนอกบ้างเล็กน้อย หรืออาจจะเดินลงจากห้องนอนหรือห้องทำงานไปกดน้ำมาดื่ม แวะเล่นกับหมากับแมวบ้าง จะได้พักสายตาเพื่อเราจะได้มีแรงและสมาธิที่จะทำงานในรอบต่อๆ ไป

ผู้แต่ง : นายโอภาส หมื่นแสน วิศวกร สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่