หน้าแรก News & Event RICOH เข้าร่วมงาน November Series 2018 ต่อยอดความเป็นสุดยอดเทคโนโลยี

RICOH เข้าร่วมงาน November Series 2018 ต่อยอดความเป็นสุดยอดเทคโนโลยี

แบ่งปัน

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าร่วมงาน November Series 2018 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องวายุภักษ์ 5-7 ชั้น 5 โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซอร์เตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDE) ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) )ได้ร่วมมือกันจัด 3 โครงการเพื่อผลักดันการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศ

โดยงานในครั้งนี้เป็นการสัมมนาแบบเต็มวัน พร้อมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับที่วิทยากรบรรยาย งานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายฐานข้อมูลลูกค้าใหม่ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาพร้อมศึกษานวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ใหม่จากทาง RICOH

ภายในงานมีการบรรยายที่เปี่ยมไปด้วยความรู้เกี่ยวกับ Robotics Summit ภายใต้ธีม Shaping the Future with Robotics and AI ในหัวข้อ “Leveraging Automation Intelligence” ซึ่งมีผู้เข้าร่วมฟังบรรยายเป็นผู้บริหารหน่วยงานเอกชน ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจของกลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก และยานยนต์ หัวข้องานในครั้งนี้ได้กล่าวถึง RPA หรือRobotic Process Automationคือ กระบวนการทำงานอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์RPA เป็นโซลูชั่นที่ทำงานได้เสมือนพนักงานคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการ Click, Select, Copy, Paste หรือ Field entryเราสามารถมองRPA ได้ว่าเป็นหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง แต่ไม่มีรูปร่างหน้าตา ไม่มีแขนขา เหมือนหุ่นยนต์ปกติทั่วไป

RPA เหมาะสำหรับงานประเภทที่เป็นรูทีนหรืองานประเภทซ้ำซากที่ต้องทำถี่ๆโดยจะต้องมีเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน NICE RPA สามารถจำแนกออกเป็นสองประเภท คือ Desktop Automation และ Robot

1. Desktop Automation

สามารถเรียกได้ว่าเป็นเสมือนผู้ช่วยที่อยู่บนหน้าจอ desktop สามารถทำงานไปพร้อมๆกับคน โดยไม่เกิดการแย่งการใช้งานคอมพิวเตอร์กันเพียงแต่ต้องใช้คนละแอปพลิเคชัน

2. Robot

เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เพียงแค่มีการตั้งค่า trigger หรือ schedule เอาไว้ ซึ่ง NICE RPA ประเภทนี้สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีการอู้งาน ลาพักร้อน หรือลาป่วย

ข้อดีของ RPA คือ สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง, ลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าโอที หรือความเสียหายที่เกิดจากข้อมูลผิดพลาด, ช่วยให้ทำงานได้ไวขึ้นและลด human error

ภาพรวมจึงทำให้พนักงาน มีความสุขมากขึ้น มีเวลาในการพัฒนาตนเอง และศักยภาพในการทำงานมากขึ้น มีเวลาให้กับตนเอง ครอบครัว และเพื่อนๆ KPI ในการทำงานเพิ่มสูงขึ้น, ลูกค้ามีความพึงพอใจกับการให้บริการที่รวดเร็ว และข้อผิดพลาดที่น้อยลง ส่งผลให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายจากการนำไปแก้ไข้หรือชดเชยสิ่งที่ผิดพลาด ช่วยเพิ่ม loyalty ของพนักงาน และลูกค้าต่อองค์กร