หน้าแรก Vendors HUAWEI กฟภ. สุดเทห์ เปิดศูนย์นวัตกรรม PEA Innovation Center แห่งแรกของไทย

กฟภ. สุดเทห์ เปิดศูนย์นวัตกรรม PEA Innovation Center แห่งแรกของไทย

แบ่งปัน
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ จำกัด ได้ร่วมเปิด “ศูนย์นวัตกรรม กฟภ. (PEA Innovation Center)” ศูนย์พัฒนาและวิจัยด้านไฟฟ้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีอันทันสมัยแห่งแแรกขึ้นอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือระยะยาวระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับโครงการนำร่องนี้ หัวเว่ยได้ติดตั้งโซลูชั่นเทคโนโลยีไอซีทีอันทันสมัยขึ้นภายในศูนย์ฯ ดังกล่าว โดยเฉพาะเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) และคลาวด์ ที่มีการประยุกต์ใช้สำหรับภาคพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้ กฟภ. สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไอซีทีชั้นนำ โดยหัวเว่ยให้การสนับสนุนทางด้านอุปกรณ์ สำหรับการพัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยี Single IoT Platform ที่เกิดจากการผสานโครงข่ายสองโครงข่าย คือ PLC-IoT และ eLTE-IoT เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพและความน่าเชื่อถือของระบบและบริการด้านไฟฟ้าของกฟภ. เช่น ช่วยในการเข้าถึงและปรับสมดุลระบบโครงข่ายไฟฟ้า (เพาเวอร์กริด) ได้แบบเรียลไทม์ ปรับปรุงการใช้ไฟฟ้าและการประหยัดพลังงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสม รวมไปถึงระบบการใช้มิเตอร์วัดการใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ AMI (Advanced Metering Infrastructure)

มิเตอร์วัดการใช้ไฟฟ้า AMI หรือที่เรียกว่า “สมาร์ทมิเตอร์” จะค่อยๆ เข้ามาแทนที่มิเตอร์รุ่นเก่าในอนาคต ซึ่งไม่เพียงจะสามารถวัดอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าได้เท่านั้น แต่ยังสามารถระบุช่วงเวลาการใช้งานระหว่างวันได้อีกด้วย สมาร์ทมิเตอร์ดังกล่าวใช้ช่องทางการสื่อสารแบบสองทาง สามารถถ่ายโอนข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและค่าไฟระหว่างผู้ใช้ไฟฟ้าและการไฟฟ้าได้ ทั้งยังเอื้อต่อการดำเนินโครงการรณรงค์ประหยัดพลังงาน ซึ่งท้ายที่สุด เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้กฟภ. สามารถลดค่าใช้จ่ายในด้านต้นทุนการเป็นเจ้าของลงได้มากถึง ร้อยละ 25

นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า “ศูนย์นวัตกรรม กฟภ. แห่งนี้เป็นการหลอมรวมประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่สั่งสมมายาวนานของ กฟภ. เข้ากับองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีไอซีที ความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ย เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มอันล้ำสมัยที่มีการบูรณาการในด้านการวิจัยและการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ และเทคโนโลยีคลาวด์ต่าง ๆ ในภาคพลังงานไฟฟ้า ช่วยให้เราสามารถบริหารงานโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะและพัฒนาประสิทธิภาพด้านการให้บริการ ทั้งยังช่วยลดต้นทุนลงได้ นอกจากนี้ ศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้ยังจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกอบรมบุคลากรด้านไอซีทีในภาคพลังงานไฟฟ้าและเผยแพร่เทคโนโลยีด้านสมาร์ทกริดในประเทศไทยออกไปในอนาคตด้วย”

นอกจากนี้ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบและใช้งานเทคโนโลยีเครือข่าย “ALL IP” ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนวัตกรรมต่างๆ อาทิ คลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับพลังงานไฟฟ้า บิ๊กดาต้า อุปกรณ์ชาร์จพลังงานสำหรับยานยนต์ สมาร์ทโฮมและการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ สองคล้องตามนโยบายของกฟภ. ในการพัฒนาคนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองการก้าวสู่ยุค PEA 4.0 มุ่งสู่การเป็น “การไฟฟ้าแห่งอนาคต” (The Electric Utility of the Future)

นาย หู กัง หัวหน้าฝ่ายขายกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของหัวเว่ย กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดีจากการร่วมมือกับ กฟภ. เพื่อส่งเสริมและเป็นจุดเริ่มต้นของศึกษาและวิจัยการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย และขยายออกสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หัวเว่ยภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการอันยิ่งใหญ่นี้ โดยเราจะมุ่งมั่นทุ่มเททำงานร่วมกันเพื่อระดมแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีไฟฟ้าเพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์สู่คนไทยทุกคน”