หน้าแรก Artificial Intelligence NVIDIA ก้าวอีกระดับสู่การเป็นซอฟต์แวร์ สแต็ค -คอมปานี มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ระดับเอ็นเทอร์ไพรส์มากมาย

NVIDIA ก้าวอีกระดับสู่การเป็นซอฟต์แวร์ สแต็ค -คอมปานี มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ระดับเอ็นเทอร์ไพรส์มากมาย

แบ่งปัน
NVIDIA ได้จัดเวิร์กชอปอัปเดตข้อมูลในส่วนของหน่วยธุรกิจด้าน Enterprise ของตนให้กับผู้สื่อข่าวจากอาเซียนได้รับฟังกัน ผ่านทางตัวแทนและวิทยากรหลายๆ ท่าน มีหัวข้อและข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีต่างๆ ที่น่าสนใจทั้ง NeMo, LaunchPAD, Omniverse, Garce Hopper, ตลอดจนกับโซลูชันเครือข่ายใหม่ๆ ของ NVIDIA เป็นต้น โดยครั้งนี้ทาง Enterprise ITPro ก็ได้รับเกียรติในการเข้าร่วมการเวิร์กชอปครั้งนี้ โดยทาง NVIDIA มีวิทยากรมาอันมากมายมาแบ่งปันในรายละเอียดต่างๆ

NeMo Framework  

โดยเริ่มต้นที่ Liang Hui, Solutions Architect ได้มาพูดถึงโซลูชั่นที่น่าสนใจอย่าง NeMo NVIDIA (Neural Modules) ซึ่งประกอบด้วยในส่วนแรกก็คือ “NeMo Framework” ซึ่งเป็นทูลคิทแบบโอเพ่นซอร์สที่สำคัญพัฒนาโดยทาง NVIDIA ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างและเทรนรูปแบบของ AI ในงานต่างๆ ได้มากมาย เช่นการจับคำพูด, การออกเสียง และการเรียนรู้ภาษาอย่าง LLM ได้อย่างดี ออกแบบมาให้ง่ายและมีลักษณะเป็นปลั๊กอินให้นักพัฒนานำไปต่อยอดได้ดี และ ส่วนที่สอง “NeMo Service” เป็นแพลตฟอร์มแบบคลาวด์เบส ที่นำเสนออินเทอร์เฟซที่ง่ายต่อการใช้งานทำให้นักพัฒนาเข้าถึงตัว NeMo Framwork ได้อย่างดี โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ เลย สำหรับการใช้งานทั้งสองก็จะทำให้นักพัฒนาจัดการคัสคอมพวก NLP ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
Ms. Liang Hui, Solutions Architect, NVIDIA

NVIDIA AI Enterprise

จากนั้นมาต่อกับ Nicolas Walker, Principal Solutions Architect ที่เขาได้อธิบายในส่วนของ NVDIA AI Enterprise และ LaunchPAD โดยกล่าวว่า NVIDIA AI Enterprise ปัจจุบันให้บริการในลักษณะแบบเป็นสมาชิกรายปี โดยสามารถให้องค์กรเข้าถึงคอมโพเนนท์และบริการด้าน AI ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ผ่านทางบริการสมาชิกที่จะได้รับก็เช่น การให้บริการแบบ 24/7 ในเคสบางอย่าง และมีตัวแทนของ NVDIA ที่พร้อมตลอดช่วงเวลาในการทำงาน ฯลฯ อีกทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษในส่วนของ AI ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์อย่าง AI Workflows, ตัวบริหารจัดการโซลูชั่นด้าน AI, แก้ไขปัญหาต่างๆ พร้อมทั้งหากมีการอัปเกรดระบบลูกค้าก็จะได้สิทธิดังกล่าวด้วย

เขายังกล่าวถึง ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นใงาน GTC ที่เกี่ยวกับการเร่งประสิทธิภาพด้าน AI อีกหลายๆ ตัวอย่างเช่น Merlin, Riva, cuOPt, Morpheus และ Trion เป็นต้น

อีกหนึ่งสิ่งที่ Nicolas ได้กล่าวถึงก็คือ LaunchPad เป็นโปรแกรมที่ทำให้ยูสเซอร์สามารถเข้าถึง Enterprise NVIDIA ทั้งฮารด์แวร์และซอฟต์แวร์โดยผ่านทางเว็บบราวเซอร์ สามารถเริ่มต้นจากง่ายๆ ในส่วนของ AI ไปยังการปรับโครงสร้างและการดีไซน์ของระบบ 3D ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจของมากของ LaunchPad

Nicolas Walker, Principal Solutions Architect, NVIDIA

NVIDIA Omniverse

ถัดมาก็มาต่อกันในส่วนของทาง Raghavender Ganti, ProViz & Enterprise Software Sales Leader เขามาอัปเดตในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในงาน GTC 2023 อย่างเช่น NVIDIA RTX 6000 Ada Generation SFF เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทรงพลังในด้านของ GPU โดยมีตัวอย่างลูกค้าที่นำไปใช้อย่างเช่น General Motor และ Versatile Media เป็นต้นและยังพูดถึงตัว NVIDIA OVX ในเจเนอเรชั่นที่ 3

Raghavender อธิบายถึงแพลตฟอร์มอย่าง NVIDIA Omniverse เป็นแพลตฟอร์มใหม่ในลักษณะแบบคลาวด์ที่ช่วยในการเชื่อมโยง, การสร้างและการปฏิบัติการในอุตสาหกรรมแอพพลิเคชั่นในโลกเมตาเวิร์ส ซึ่งการอัปเดตของ Omniverse ใหม่นี้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ได้ดีขึ้น, การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือแม้กระทั่งในการสร้าง Generative AI อันประกอบด้วย Text-to-Material, Text-to-Code Generation หรือ Audio2Face เป็นต้น

เขายังเสริมต่อไปอีกด้วยว่าตอนนี้ก็ได้มีการจับมือกับทาง Microsoft ด้วย และก็ได้มีการประกาศว่าตัวแพลตฟอร์ม NVIDIA Omniverse Cloud จะมาพร้อมในตัว Microsoft Azure ซึ่งองค์กรที่สนใจจะได้เห็นภาพอย่างชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 นี้ ปัจจุบันมีบริษัทยานยนต์ชั้นนำได้นำเอา Omniverse ไปใช้ในองค์กรของตนหลายแห่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็น BMW, Mercedes Benz, Volvo, Toyota และอื่นๆ อีกมากมาย

Mr. Raghavender Ganti, ProViz & Enterprise Software Sales Leader, NVIDIA

Grace Hopper CPU

ในช่วงบ่ายของการเวิร์กชอบทาง NVIDIA ได้เข้ามานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับชิปที่น่าสนใจ ในตระกูล Grace / Grace Hopper CPU โดย Gabriel Noaje, Principal Solutions Architect โดยเป็นการนำเสนอความสามารถของตัวชิปรุ่นใหม่ที่ให้ประสบการณ์การทำงานได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นคอร์ที่มีถึง 144 คอร์ เทคโนโลยี Arm Neoverse โดยสามารถที่จะจัดการเกี่ยวกับเรื่องของประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานได้ในส่วนของดาต้าเซ็นเตอร์ กล่าวคือให้พลังงานขั้นสูงแต่ใช้พลังงานไฟที่น้อยลง ผ่านทางวิธีการอย่างเช่น การออกแบบระบบการใช้พลังงานใหม่, การยกระดับพลังงานอย่างอัตโนมัติ, การปรับจูนการใช้งานแอปพลิเคชั่น ฯลฯ

Gabriel บอกว่ามันเหมาะมากที่จะนำเอาตัว Grace Hopper เข้าไปพัฒนาสำหรับงานด้าน AI และ HPC เนื่องด้วยสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสม ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนานวัตกรรมหรือยูสเคสที่มีความเกี่ยวกับระบบประมวลขั้นสูง และเทคโนโลยี AI ได้เป็นอย่างดี

 

Mr. Gabriel Noaje, Principal Solutions Architect, NVIDIA

เทคโนโลยี Ethernet-AI

ในหัวข้อสุดท้ายของการเวิร์กชอป นำเสนอโดย Alvin Law, Solutions Architect มาพร้อมกับเทคโนโลยีเกี่ยวกับเครือข่าย กับเทคโนโลยี Ethernet-AI ขนาดความเร็ว 400 Gigabit โดย Alvin ระบุว่าตอนนี้เทคโนโลยีเครือข่ายแบบ 400G นั้นในตลาดมีอัตราการเติบโตสูงมาก เนื่องจากปัจจัยอย่างเช่นการให้ความเร็วที่มากขึ้น พร้อมช่วยในการรับโหลดการทำงานต่างๆ มากมาย พร้อมทั้งยังให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกว่าถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับเครือข่ายแบบ 100G  ซึ่ง NVIDIA เองก็มีโซลูชันสวิตช์เครือข่ายรุ่น NVIDIA Spectrum-4 ที่เป็นสวิตช์ที่เร็วที่สุดของ NVIDIA เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วแบนด์วิธถึง 4 เท่า ลดการใช้พลังงานกว่า 50%

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในการเวิร์กชอปนี้ก็คือตัว NVIDIA BlueField ซึ่งถือว่าเป็น DPU (Data Processing Unit) ที่ทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก มันช่วยทำให้การทำงานของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิผล โดยโยกเอาระบบ Software-Defined ต่างๆ (Security, Storage, Network, และการจัดการโครงสร้าง Infrastructure) มาไว้ในตัวมันเพื่อนลดโหลดการทำงานของ CPU ลงไป หรือจะกล่าวโดยสรุปเป็นประเด็นสามข้อง่ายๆ ก็คือ Offload, Accelerate และ Isolate ของงานต่างๆ นั่นเอง

 

Mr. Alvin Law, Solutions Architect, NVIDIA
ปัจจุบันเทคโนโลยี DPU ของทาง NVIDIA กำลังเริ่มเข้าไปอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของเวนเดอร์ต่างๆ มากมายเช่น Dell Technologies, HPE, Lenovo ฯลฯ เป็นต้น