งานด้านระบบความปลอดภัยจะมีประสิทธิภาพได้นั้น จำเป็นต้องมีโครงสร้างสำหรับทำความเข้าใจว่ามีอะไรที่ต้องปกป้องบ้าง รวมทั้งคุณค่าของแต่ละองค์ประกอบที่มีต่อองค์กรเพื่อใช้หาระบบป้องกันอย่างเหมาะสม ซึ่งไม่ว่าบริษัทจะเลือกวิธีไหน ก็ต้องมีกรอบการทำงานที่นำมาใช้ระบุผลที่ตรวจวัดได้ ให้ทีมงานด้านไอทีใช้ต่อกรกับการโจมตีและกู้คืนระบบได้อย่างรวดเร็วกรณีที่โดนโจมตีสำเร็จ
ตั้งแต่ปี 2019 แพลตฟอร์ม Veeam’s® Modern Data Protection ที่ออกมาทุกรุ่นนั้นได้ช่วยในการรักษาเสถียรภาพของระบบไซเบอร์ และป้องกันแรนซั่มแวร์ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้องค์กรกู้คืนระบบจากการโจมตีทางไซเบอร์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ด้วยกลไกที่เน้นซอฟต์แวร์เป็นหลักทำให้ดูแลสตอเรจที่ล็อกการแก้ไขและเสถียรสูงได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งในฝั่ง On-Premises และบนคลาวด์ โดยไม่ถูกผูกขาดด้วยฮาร์ดแวร์ของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ด้วยแนวทางนี้เองทำให้คุณได้ระบบป้องกันที่เหมาะสม ให้ความมั่นใจได้ว่าสามารถสำรองและกู้คืนระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้ทุกเมื่อ อุ่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะพร้อมให้เข้าถึงทุกเวลาที่คุณต้องการ
สำหรับ 7 แนวทางปฏิบัตินี้ทางเราได้ทำเป็นหัวข้อย่อยๆ ให้ได้ทราบถึงประเด็นที่คุณต้องวางแผนและบริหารจัดการ ลองอ่านหัวข้อย่อยๆ ได้ตามด้านล่างนี้
1. แพลตฟอร์มป้องกันที่ครอบคลุม เพิ่มการรองรับได้
โซลูชั่นที่ควรติดตั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องเวิร์กโหลดสำคัญได้ครอบคลุมทุกแบบ ไม่ว่าจะบนระบบกายภาพ เวอร์ช่วล หรือแบบคอนเทนเนอร์ก็ตาม ทาง Veeam มีสถาปัตยกรรมสตอเรจแบบที่จัดการด้วยซอฟต์แวร์ที่ยืดหยุ่น (SDS) มาพร้อมกับฟีเจอร์ Scale-out Backup Repository™ (SoBR) ที่คอยรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์สตอเรจหลากหลายรูปแบบเพื่อสำรองข้อมูลได้
2. เพิ่มความสำเร็จการแบ็กอัพข้อมูลด้วยการตรวจความถูกต้องให้อัตโนมัติ
ยุทธศาสตร์ป้องกันทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งและครอบคลุมเพียงพอนั้นล้วนเริ่มต้นที่การสำรองข้อมูลอย่างถูกวิธี ซึ่งการแบ็กอัพที่เสถียร ผ่านการตรวจสอบและทดสอบมาเป็นอย่างดีจะกลายเป็นบันไดขั้นแรกสู่ความสำเร็จในการกู้คืนระบบในอนาคต
3. จัดเก็บข้อมูลสำรองไว้อย่างปลอดภัย ไม่โดนปรับแก้ แยกออกมาแบบ Air-Gapped
ปัจจุบันอาชญากรไซเบอร์จ้องที่จะคอยเข้ารหัสหรือลบข้อมูลที่องค์กรต่างๆ สำรองไว้ด้วยการโจมตีแบบแรนซั่มแวร์ เพื่อให้เหยื่อไม่เหลือทางออกจนต้องยอมจ่ายค่าไถ่แลกกับข้อมูลในที่สุด
4. การป้องกันการแก้ไขข้อมูล เป็นแค่จุดเริ่มต้น
มีลูกค้า Veeam บางท่านต้องการความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลที่สำรองไว้ด้วยการใช้วิธีป้องกันหลายชั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Veeam Hardened Repository ที่ฝั่ง On-Premises ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงยกระดับความสามารถการต้านทานการแก้ไขข้อมูลในระบบอัตโนมัติ Veeam Capacity Tier ด้วย S3 Object Lock
5. การกู้คืนข้อมูลได้ในทันที
หลังจากเริ่มโดนโจมตีจากแรนซั่มแวร์กันนั้น ก็มีความเสี่ยงที่ข้อมูลที่คุณใช้งานทั้ง 100% อาจโดนล็อกหรือติดเชื้อมัลแวร์ จนจำเป็นต้องกู้คืนข้อมูลเดิมกลับมาทั้งหมดอย่าง “รวดเร็ว” ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลได้เร็วที่สุดจึงสำคัญอย่างยิ่ง
6. ปกป้องกระบวนกู้คืนข้อมูล
ช่วงที่แรนซั่มแวร์ฟักตัว อาจซุ่มยาวนานหลายเดือน ดังนั้น คุณต้องหาระบบอัตโนมัติที่คอยตรวจสอบต่อเนื่องให้มั่นใจได้ว่า คุณไม่ได้กู้คืนข้อมูลที่มีมัลแวร์ติดมาด้วยลงในระบบที่เพิ่งล้างหรือระบบใหม่ที่เตรียมไว้ ซึ่ง Veeam SureBackup® ที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลสำรองให้อัตโนมัตินั้น สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
7. การกู้คืนระบบให้แบบอัตโนมัติ
เราทราบดีว่า การโจมตีทางไซเบอร์เป็นมหันตภัยร้ายที่ทีมงานของคุณต้องหาวิธีรับมือในเวลาฉุกเฉินได้แบบอัตโนมัติ รับประกันผลได้ตลอด ซึ่งสามารถทั้งหมดนี้ทำได้ผ่าน Veeam Disaster Recover Orchestrator (VDRO) ที่ให้คุณรันกระบวนการด้านเอกสารที่ซับซ้อนได้อัตโนมัติอย่างสมบูรณ์
