หน้าแรก Networking & Wireless Fiber Optic บทความน่ารู้ : เน็ตเวิร์กที่เร็วขึ้น ก็ต้องการผลการทดสอบที่แม่นยำขึ้นด้วย

บทความน่ารู้ : เน็ตเวิร์กที่เร็วขึ้น ก็ต้องการผลการทดสอบที่แม่นยำขึ้นด้วย

แบ่งปัน

กาลครั้งหนึ่งกว่า 20 ปีที่แล้ว รูปแบบการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ใหญ่ในอเมริกาก็คือ การรับส่งข้อมูลที่เป็นข้อความส่วนใหญ่ ปริมาณไม่มาก ความเร็วค่อนข้างช้า ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งอีเมลหรือแชทข้อความ ค้นหาข้อมูลสินค้าและผลิตภัณฑ์ เปิดอ่านข่าว พยากรณ์อากาศ หรืออัพเดทกีฬาที่ชื่นชอบ โดยมากกว่าครึ่งของผู้ใหญ่ที่ท่องเน็ตจะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือรับส่งอีเมล เปิดเน็ตในที่ทำงาน ผู้ใช้ประมาณ 80% ต่างมีการเชื่อมต่อแบบ Dial-up ผ่านสายโทรศัพท์ แต่ครัวเรือนมักจะมีอุปกรณ์ที่ต่ออินเทอร์เน็ตเพียงเครื่องเดียว (เช่น คอมพีซี)

สเปกของสายไฟเบอร์ หรือแม้แต่ประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ยอมรับกันได้สมัยนั้นก็ต่ำกว่ายุคนี้มาก ตอนนี้มาตรฐานสายไฟเบอร์ยอมค่าการสูญเสียสัญญาณได้มากถึง 10dB ซึ่งถ้าเป็นยุคนี้ก็รุนแรงมากถึงกับทำแอพค้างได้เลย ทราฟิกข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตสมัยนั้นมีการจัดการที่เป็นระเบียบ แบ่งเป็นแพ็กเก็ตเล็กๆ ย่อยๆ เหมือนแนวมดเดิน

แต่ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นมาอยู่บนออนไลน์แล้ว

ความต้องการด้านเครือข่ายในปัจจุบันต่างจากเมื่อก่อนอย่างสุดขั้ว ตอนนี้ชาวอเมริกันกว่า 93% ต่างใช้งานออนไลน์เป็นประจำ โดยมีมากถึง 31% ที่กล่าวว่าตัวเอง “ออนไลน์อยู่ตลอดเวลา” ทุกคนต่างทำทุกอย่างบนออนไลน์กันหมด ทั้งดูหนัง คุยแชทกลุ่ม แชร์ไฟล์ เล่นเกม ฟังเพลง ประชุมผ่านวิดีโอทั้งเรียนและทำงาน อัพโหลดดาวน์โหลดไฟล์ ท่องโซเชียลเน็ตเวิร์ก และอื่นๆ อีกมากมาย ตามบ้านและห้างร้านทั้งหลายก็มีอุปกรณ์ที่ต่อเน็ตได้หลายเครื่อง ที่ส่วนใหญ่ก็ต่าง “Always-on” กันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต เราเตอร์ ทีวี ลำโพงและออดบ้านอัจฉริยะ กล้องวงจรปิด สมาร์ทวอช และอุปกรณ์เชื่อมต่ออีกหลายรูปแบบ ทั้งหมดนี้ต่างติดต่อดาต้าเซ็นเตอร์หลายต่อหลายครั้งในทุกๆ ชั่วโมง เพื่อใช้งานบริการจากศูนย์กลางเดียวกัน

เราพบว่าทราฟิกทางดิจิตอลทั้งหมดที่ใช้งานกันตอนนี้มีค่าความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 53.31 Mbps สำหรับการเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์พกพา และที่ 134.10 Mbps สำหรับการเชื่อมต่อแบบตายตัวทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็หันมาใช้การเชื่อมต่อแบบไร้สายกับผู้ใช้ปลายทางกันหมดแล้ว ความเร็วระดับนี้เหนือกว่าสมัย 20 ปีที่แล้วมากถึง 1000 เท่าเลยทีเดียว

โหลดงานเหล่านี้ต้องมีการรองรับทั้งจากเครือข่ายและดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทั้งซับซ้อนและทันสมัยเป็นอย่างมาก มากจนโลกสมัย Dial-up นึกภาพแบบนี้ไม่ออกแน่ ทำให้ตลาดการวางระบบดาต้าเซ็นเตอร์ในตลาดที่เติบโตเร็วมากที่สุดอย่างภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มูลค่าสูงเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020 มากเทียบเท่ากับยอดขายทั้งปีของแอมะซอนเลยทีเดียว

แล้วจะทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์เรายังรองรับความต้องการเหล่านี้ต่อได้อย่างไร
จากความต้องการที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วทั้งปริมาณและความเร็ว ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์และผู้ให้บริการต้องคอยพัฒนาการให้บริการตามให้ทัน ทั้งการรองรับการสตรีมวิดีโอระดับ 4K, การรับส่งธุรกรรมการเงินเป็นพันล้านรายการ, รวมทั้งการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียงไปยังผู้ชมจำนวนมาก เป็นต้น ทั้งหมดนี้ต่างต้องใช้สายเคเบิลและประสิทธิภาพด้านเครือข่ายระดับสูงมากทั้งสิ้น

ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จะต้องก้าวนำหน้าคู่แข่งด้วยการยกระดับความสามารถในการทำงานให้สูงที่สุด ตั้งแต่การเพิ่มความเร็วจากเดิม 1 Gbps ไปเป็นระดับ 800 Gbps ซึ่งสูงกว่าถึง 10,000 เท่าเมื่อเทียบกับความเร็วเฉลี่ยที่ผู้ใช้ปลายทางใช้งานผ่านอุปกรณ์พกพา ดังนั้น การจะรองรับความเร็วขนาดนี้ก็ต้องมีการพัฒนามาตรฐานให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก จากเดิมที่เราเคยยอมรับค่าการสูญเสียสัญญาณอยู่ที่ประมาณ 10 dB เดี๋ยวนี้เข้มงวดมากจนต้องเหลือต่ำกว่า 2 dB แล้ว

ตั้งแต่มาตรฐานจนถึงการตรวจวัด ต้องเป๊ะทุกขั้นตอน

ทุกองค์ประกอบ ทุกส่วนของดาต้าเซ็นเตอร์จะต้องทำงานเข้ากันได้อย่างลงตัว และแม่นยำ เสถียรเพียงพอตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่กำหนดทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ตรวจวัด ไปจนถึงผู้ผลิต การติดตั้ง การตรวจเทียบมาตรฐาน การทดสอบ และการแก้ปัญหาระบบที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งวิศวกรและนักวิชาการด้านการตรวจวัด (Metrologist ที่เพิ่งผ่านวันแห่งการตรวจวัดของโลกไปเมื่อปลายเมษาที่ผ่านมา) ของ Fluke Networks ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานเพื่อเปิดกว้างให้นำองค์ประกอบและสายเคเบิลของเครือข่ายจากผู้ผลิตรายต่างๆ มาทำงานร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นสำนักมาตรฐานอย่างสมาคมอุตสาหกรรมด้านโทรคมนาคม (TIA), องค์กรด้านมาตรฐานนานาชาติ (ISO), และสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (IEEE) โดยเฉพาะการที่ปีนี้ทาง TIA ได้ยกย่องคุณ Seymour Goldstein ที่เป็นวิศวกรหลักอาวุโสของกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของ Fluke Network เรา ด้วยการมอบรางวัล TIA Star Award ในฐานะที่เป็นระดับท็อป 5% ของตัวแทน TIA ที่มีส่วนร่วม เป็นแกนนำ และอุทิศผลงานแก่คณะกรรมการ TIA โดยรวมด้วย

Fluke Networks เองก็พัฒนาอุปกรณ์และเครื่องมือทดสอบที่ตรง หรืเเหนือกว่ามาตรฐานข้างต้นด้วยเช่นกัน แต่การสร้างเครื่องมือทดสอบที่แม่นยำนั้นเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เราต้องมีการตรวจความเที่ยงตรงแม่นยำของเครื่องมืออย่างต่อเนื่องทุกๆ ปีด้วย ทาง Fluke จึงมีศูนย์ให้บริการทั่วโลกสำหรับนำอุปกรณ์มาสอบเทียบ และตรวจคุณภาพการตรวจวัดที่อิงกับแล็ปมาตรฐานหลักที่เมืองเอเวอร์เร็ตต์ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ทำให้เครื่องมือของ Fluke Networks ได้ความน่าเชื่อถือจากคนทำงานในวงการนี้ที่ทั้งติดตั้ง ทดสอบ และตรวจเทียบมาตรฐานระบบเครือข่ายทั้งระบบใหม่และใช้ในการอัพเกรดระบบ รวมทั้งผู้ที่นำเครื่องมือไปใช้แก้ปัญหาด้วย ทำให้ทุกคนต่างเชื่อมั่นใน Fluke Networks ทัั้งในปัจจุบัน และอนาคต

ที่มา : Fluke Blog

//////////////////

สมัครสมาชิก Enterprise ITPro เพื่อรับข่าวสารด้านไอที