หน้าแรก Internet of Things 5 เคล็ดลับในการซ่อนตัวตน ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ได้มากที่สุด

5 เคล็ดลับในการซ่อนตัวตน ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ได้มากที่สุด

แบ่งปัน

แน่นอนว่าพวกเราต่างพยายามที่จะทำให้ตัวเองไม่เป็นจุดสนใจหรือโดนสืบความเคลื่อนไหว แต่มีน้อยรายมากที่เชี่ยวชาญจนกระทั่งแทบหลบเรดาร์การตรวจจับจากทุกฝ่ายได้โดยสิ้นเชิง

ซึ่งทาง TechNotification.com ได้รวบรวมวิธีการที่จะทำให้คุณสร้างความไร้ตัวตนระหว่างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ได้มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ต้องลงทุนอะไรใหม่ แต่เป็นการปรับปรุงจากสิ่งที่พวกเรามีอยู่แล้ว โดยจะเน้นวิธีที่ได้ประสิทธิภาพดีที่สุดอย่างการใช้วีพีเอ็น

01 การติดตั้งวีพีเอ็น

ขั้นตอนแรกสุดของการรักษาความเป็นนิรนามบนโลกออนไลน์ของคุณก็คือ การติดตั้งระบบวีพีเอ็น (VPN) เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการซ่อนที่อยู่ไอพีที่แท้จริง และเข้ารหัสข้อมูลของคุณไปพร้อมกัน เพียงแค่ติดตั้งเครือข่ายภายในบนเซิร์ฟเวอร์

ตัววีพีเอ็นก็จะซ่อนที่อยู่ของคุณ ทำให้แฮ็กเกอร์สืบตามตัวหรือจับตากิจกรรมบนโลกออนไลน์ได้ยากกว่าเดิม ที่สำคัญที่สุดคือ วีพีเอ็นจะเข้ารหัสข้อมูลทุกอย่างที่มีการสื่อสารของคุณ จึงปลอดภัยแม้แฮ็กเกอร์เข้าถึงการเชื่อมต่อก็ตาม

02 การติดตั้งวีพีเอ็นบนระบบปฏิบัติการ

หลายครั้งมากที่เราพบความผิดพลาดของผู้ใช้ที่เลือกติดตั้งวีพีเอ็นบนบราวเซอร์ตัวเองเพียงอย่างเดียว แทนที่จะติดตั้งกับระบบปฏิบัติการทั้งระบบ แม้จะยอมรับว่าความปลอดภัยของข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการรับส่งข้อมูลออนไลน์

แต่การติดตั้งวีพีเอ็นบนบราวเซอร์ก็หมายความว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากการปกป้องความเป็นส่วนตัวเฉพาะสิ่งที่ทำผ่านเว็บบราวเซอร์เท่านั้น ทั้งๆ ที่วีพีเอ็นควรจะสามารถปกป้องครอบคลุมทั้งระบบที่ใช้งาน โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโอเอสด้วย

03 ใช้ที่อยู่ไอพีส่วนตัว ที่ล็อกไว้ตายตัว

เวลาเลือกใช้บริการวีพีเอ็นนั้น แนะนำให้เลือกแบบที่ใช้ที่อยู่ไอพีแบบตายตัวที่อุทิศสำหรับเราคนเดียวมากกว่าที่อยู่ไอพีที่ใช้ร่วมกับคนอื่น เพื่อให้ได้ประโยชน์ในการเป็นนิรนามมากที่สุด เพราะเป็นที่อยู่ไอพีที่คุณคนเดียวใช้งาน

สิ่งที่แตกต่างจากที่อยู่ไอพีแบบ Shared คือ แบบ Dedicated จะไม่ถูกใช้งานร่วมกับผู้ใช้วีพีเอ็นรายอื่น ทำให้คุณได้ประโยชน์ทั้งความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่นั่นหมายความว่าราคาค่าบริการก็จะแพงกว่าปกติด้วย

04 ตรวจสอบว่าไฟร์วอลล์และสวิตช์ปิดระบบ (Kill Switch) พร้อมใช้งานเสมอ

กิจกรรมบนโลกออนไลน์ของคุณ หรือมาตรการด้านความปลอดภัยจะไร้ค่าทันทีถ้าการเชื่อมต่อแบบไพรเวทของคุณถูกปิดการทำงานไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม อันที่จริง ปัญหาการเชื่อมต่อนั้นมักเกิดขึ้นเสมอกับการเชื่อมต่อผ่านวีพีเอ็น

ดังนั้นการเชื่อมต่อของคุณจำเป็นต้องมีสวิตช์ปิดระบบทันทีที่สามารถสั่งปิดเพื่อป้องกันข้อมูลจริงรั่วไหลออกไปโดยไม่ได้เข้ารหัสตามปกติ Kill Switch นี้มีบทบาทสำคัญมากในการปิดการเชื่อมต่อทั้งหมดก่อนวีพีเอ็นปิดทำงาน

05 หลีกเหลี่ยง Wi-Fi สาธารณะ

การใช้ Wi-Fi สาธารณะนับเป็นช่องทางที่ทำให้คุณถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่ายมากที่สุด ซึ่งคนที่สร้าง Wi-Fi ฟรีและไม่ได้มีการป้องกันอะไรมากนัก ขึ้นมาก็เพื่อประโยชน์บางอย่าง เช่น อาจจะคอยมอนิเตอร์พฤติกรรมของผู้คนในโลกออนไลน์ว่าเป็นอย่างไร หรือเลวร้ายกว่านั้นก็ขโมยข้อมูลซะเลย

ที่มา : TNF