เริ่มเผยออกมาบ้างแล้วสำหรับเวอร์ชั่นถัดไปของโอเอสระดับโลกอย่าง Windows 12 ซึ่งเราต่างรู้ดีกับความกังวลและแรงเสียดทานที่จะต้องอัปเกรดโอเอสใหม่ (อีกแล้วเหรอ) ที่ครั้งจาก 10 เป็น 11 แค่กดคกลงปุ่มเดียวก็เปลี่ยนโลกของคุณไปได้เลย
แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมาลุ้นกันว่าจะหมู่หรือจ่า เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดระหว่างการอัปเกรด การแก้ไขก็มักยากลำบาก หรือถึงอัพเสร็จก็ไม่มีทางมั่นใจ 100% เลยว่าทุกแอพ ทุกไดรฟ์เวอร์ หรือปลั๊กอินต่างๆ ที่เคยลงไว้อยู่ก่อนเดิมจะยังทำงานได้ตามปกติบนโอเอสเวอร์ชั่นใหม่
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมบางคนยังตัดสินใจเลือกใช้ Windows 10 อยู่ ทั้งๆ ที่ Windows 11 ก็เปิดตัวมานานแล้ว แม้ฮาร์ดแวร์จะไม่เป็นอุปสรรคแล้วก็ตาม และตอนนี้ก็ดูเป็นเรื่องดีที่ไมโครซอฟท์ไม่ค่อยออกมาบีบให้เราต้องอัพเป็น Windows 11 ในช่วงเร็วๆ นี้
แต่ก็เป็นที่มาของข่าวที่น่ากลัวว่า น่าเป็นเพราะเหตุผลที่อาจมีการเปิดตัว Windows 12 ที่เร็วสุดอาจภายในปีหน้า จากสัญญาณที่หลุดออกมาหลายอย่าง แล้ว Windows 12 ก็ควรฉีกหน้าตาเปลี่ยนโฉมจากเดิมๆ ที่เราคุ้นกันอย่างสิ้นเชิงด้วย
จากภาพหลุดในงานประชุม Ignite ให้เห็นทาสก์บาร์ด้านล่างหน้าจอที่ “ลอยได้” ลากไปไหนก็ได้ แทนที่จะฟิกอยู่ข้างล่างตายตัว แถมด้านบนก็แสดงเวลา อุณหภูมิ สถานะการเชื่อมต่อ แบตที่เหลือ และแถบค้นหา หน้าตาเหมือนบนสมาร์ทโฟนทั่วไป
ที่สำคัญสุดก็น่าจะเป็นการนำ AI ที่ตอนนี้โหมโปรโมทออกมาใหม่ไม่หยุดหย่อนมาเป็นแกนหลักของระบบปฏิบัติการ โดยเฉพาะจากคำสัมภาษณ์ของบรรณาธิการอาวุโสของ Windows Central คุณ Zac Bowden ที่มีเส้นสายกับคนในวงพัฒนา Windows
Bowden ตั้งข้อสังเกตว่า AI ที่จะเข้ามา อาจจะเป็นแบบที่คาดการณ์ได้ว่าผู้ใช้ต้องการแอพหรือชอร์ทคัทอะไรถัดไป อิงจากสิ่งที่กำลังโดนเรียกเปิดแสดงบนหน้าจอ เช่น Windowsพบว่าคุณกำลังอีเมลเชิญงานแต่ง ก็จะแนะนำแอพ Designer ขึ้นมาให้ใช้ทำการ์ด
โครงสร้างของ Windows 12
ไมโครซอฟท์มีโปรเจกต์ภายในชื่อ “CorePC” เป็นการหั่น Windowsทั้งก่อนเป็นโมดูลย่อยๆ ซึ่งถ้าสำเร็จจะทำให้เราเปิด Windowsในเวอร์ชั่นแท๊บเล็ตนชิป ARM ที่สามารถรันแอพแบบหน้าต่างใหญ่ปกติได้ รองรับแอพ Legacy ทั้งหลายได้ เป็นต้น
กำหนดการเปิดตัว
ไมโครซอฟท์ยังไม่ได้ประกาศทางการว่าจะเปิดตัวเมื่อไร แต่ปกติก็จะปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ทุกๆ 3 ปี ซึ่งครั้งต่อไปก็ตรงปี 2024 ปีหน้าพอดี แต่ก็มีข้อสังเกตว่า Windows 11 ก็ออกมาหลัง Windows 10 นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ร่วมโครงการ Windows Insider ก็มีโอกาสได้ทดสอบ Windows 12 ก่อนคนอื่นอีกหลายต่อหลายเฟสก่อนจะเปิดตัวจริง
ราคาน่าจะเท่ากับ Windows 11?
มองว่าน่าจะออกมาให้อัปเกรดฟรีเหมือน Windows 11 และคาดว่าอานิสงค์น่าจะครอบคลุมไปถึงผู้ที่ยังใช้ Windows 10 ด้วย แต่ก็น่าจะมีขายแยกเหมือนกับ Windows 11 โดยถ้าดูราคาเดิม Windows 11 Home ประมาณ 139 เหรียญฯ ส่วน Windows 11 Pro ประมาณ 199.99 เหรียญฯ นั่นอาจจะหมายว่า Windows 12 ก็น่าจะมีราคาประมาณเดียวกันก็เป็นได้
อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – ITPro
