หน้าแรก Cloud 6 ความจริงของวงการไอทีปัจจุบัน ที่ผู้บริหารต้องเข้าใจ !!

[บทความ] 6 ความจริงของวงการไอทีปัจจุบัน ที่ผู้บริหารต้องเข้าใจ !!

แบ่งปัน
Image credit : chartercollege.edu

กว่าจะขึ้นมาเป็นระดับผู้บริหาร หรือแอดมินผู้ดูแลระบบไอทีโดยรวมขององค์กรนั่น ย่อมผ่านประสบการณ์มาหลายปี แต่คำว่าอาวุโสหรือซีเนียร์ในชื่อตำแหน่งไม่ได้ต้องการให้คุณยึดติดกับความเชื่อตั้งแต่หลายปีก่อนตามมาด้วย ยิ่งกับเทคโนโลยีไอทีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้น การตัดสินใจที่ลืมมองรอบด้าน หรือขาดการพิจารณาปัจจัยบางอย่าง อาจทำให้สูญเสียการควบคุมระบบโดยรวมไปได้

ยิ่งในยุคที่ราคาของดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ได้แพงหรือลงทุนยากแบบแต่ก่อน ยุคที่ใครก็ตามก็สามารถตั้งโซลูชั่น เซตระบบ หรือสร้างโลกดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเองได้ง่ายๆ นี้ ทาง CIO.com จึงรวบรวมข้อสังเกตและข้อเท็จจริงที่ผู้บริหารไอทีควรเปลี่ยนทัศนคติ ยอมรับ และเข้าใจเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดอยู่ 6 ประการ ดังต่อไปนี้

1.  ผู้ใช้รู้มากขึ้น และกล้า(แหกคอก)มากกว่าเดิม
มีศัพท์คำหนึ่งที่เรียกว่า “Shadow IT” หรือการที่ผู้ใช้แอบทำ หรือนำระบบไอทีส่วนตัวมาใช้ในองค์กรโดยไม่ให้ฝ่ายไอทีรู้ ถ้าสมัยก่อนคงเป็นเรื่องของการนำอุปกรณ์พกพาหรือคอมพิวเตอร์ส่วนตัวมาเชื่อมต่อกับเครือข่ายบริษัทหรือ BYOD แต่ปัจจุบันความแก่กล้าและหน้าทนได้ทวีความรุนแรงขึ้นมาเป็น Bring Your Own “IT” หรือ BYOIT ที่ยกโซลูชั่นทั้งระบบครบวงจร ไล่ตั้งแต่แอพฯไปจนถึงสตอเรจของตนเองมาใช้กับงานในองค์กร

นี่ไม่ใช่ภาพของการแบกอุปกรณ์มากมายเข้ามาเสียบสายแลนในออฟฟิศให้ผิดสังเกต แต่มันง่ายแค่คลิกๆ เชื่อมต่อข้อมูลองค์กรเข้ากับบริการบนคลาวด์สาธารณะมากมายในปัจจุบันผ่านมือถือตนเองเท่านั้น แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ตรวจจับไล่ทันได้ยากมาก ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า แทนที่จะไปกวดขันบังคับขู่เข็ญ ก็ควรเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นการให้คำแนะนำ ทำคู่มือวิธีการใช้ทำงานที่อำนวยความสะดวกทั้งตัวผู้ใช้ และตัวผู้บริหารด้านไอทีมากกว่า นั่นคือความจริงที่ว่า ระบบไอทีทุกกระเบียดนิ้วในองค์กรได้หลุดออกจากการควบคุม ออกจากมือของผู้บริหารไปแล้ว จะมาทำตัวเป็นคุณครูยุคเก่าถือไม้เรียวเฆี่ยนโชว์หน้าเสาธงในยุคสิทธิมนุษยชนงอกงามตอนนี้ก็คงรังแต่เป็นภัยกับตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเอง

2.  คลาวด์ไม่ใช่เมอรี่คิง ไม่ได้มีทุกสิ่งให้เลือกสรร
จากผลสำรวจของ Gartner พบว่าภายในปีอีกสามปีข้างหน้า จะมีองค์กรหันมาเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานเป็นไฮบริดจ์คลาวด์ถึง 90% แทนที่จะหันไปใช้บริการทั้งหมดบนพับลิกคลาวด์ ทั้งนี้เพราะไม่มีโรงแรมห้าดาวข้างนอกแห่งไหนที่บริการได้ดังใจคุณ อุ่นใจเท่าอยู่บ้านตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย, การสอดคล้องกับกฎมาตรฐาน, ความซับซ้อน, รวมทั้งความคุ้มค่า โดยในปีนี้พบว่ามีองค์กรกว่า 30 – 45 เปอร์เซ็นต์ที่ลงความเห็นว่า เงินที่ลงทุนไปกับบริการคลาวด์ด้านนอกสูญเปล่า ด้วยสาเหตุหลักที่ตัวเองไม่รู้เหตุผลจริงๆ ที่จำเป็นต้องใช้คลาวด์ แค่แห่ไปตามกระแสเท่านั้น ถ้ามองภาพไม่ออกก็มองโปรแกรมบัญชีดึกดำบรรพ์ หรือโปรแกรมตั้งค่าเครื่องจักรเก่าเก็บในโรงงานก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่า ไม่ใช่ทุกแอพฯจะทำเวอร์ช่วลมโนฟรุ้งฟริ้งบนคลาวด์ได้หมด

3.  เอาจริง เกือบทุกระบบบนโลกตอนนี้โดนแฮ็คอยู่
จากสถิติปีที่ผ่านมา พบกรณีข้อมูลรั่วไหลเพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่ฉลาดนักถ้าจะทำทองไม่รู้ร้อน ต้องรอโดนโยนลงโลงจับเข้าเตาเผาก่อนแล้วค่อยรู้สึก และการกว้านซื้อโซลูชั่นและอุปกรณ์ความปลอดภัยทั้งหลายมานอนกอดก็ไม่สามารถสร้างความอุ่นใจได้อย่างแท้จริง เพราะมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ความสะดวกในการทำงาน กับความปลอดภัยนั้นสวนทางกัน ถ้าเอาปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ องค์กรจะขยับตัวหาเงินที่ไหนไม่ได้อีก ดังนั้น การเจริญมรณสติ คิดเสียว่าตอนนี้ระบบมีช่องโหว่ที่โดนเล่นงานอยู่เสมอ จะทำให้ผู้บริหารวางแผนด้านความปลอดภัยได้สอดคล้องกับความเป็นจริง ใช้ได้จริงมากที่สุด แทนที่จะหาวิธีปกป้องเครือข่ายหรืออุปกรณ์ ก็จงมาหาวิธีปกป้องตัวข้อมูลโดยเฉพาะที่ตำแหน่งเอนด์พอยต์ดีกว่า เช่น ทำอย่างไรถ้ามีคนเอาแรนซั่มแวร์มาเสียบยูเอสบี หรือถ้ามีคนส่งความลับผ่านอีเมล์ออกไปภายนอกโดยไม่ถูกต้อง เป็นต้น

Image credit: bbj.hu

4.  และระลึกว่า ซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ยังไม่ได้แพทช์ล่าสุด
ยังมีช่องโหว่อยู่เสมอ ด้วยข้อเท็จจริงที่ยังมีหลายองค์กรใช้วินโดวส์รุ่นเก่าพร้อมปิดออโต้อัพเดตด้วยเหตุผลที่รู้ๆ กันอยู่ เป็นต้น ทำให้มีสถิติว่า 1 ใน 4 ของบริษัทปัจจุบันตกอยู่ในความเสี่ยงจากการไม่ยอมอัพแพทช์ ต้นเหตุจริงๆ คือการไม่ทำระบบประกันคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่ใช้ในองค์กร ผู้บริหารต้องมองว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้เสี่ยงที่จะโดนเจาะระบบตลอดเวลา และต้องหาวิธีป้องกันอย่างเป็นระบบ

patch

5.  จะหากิ๊กเพิ่มกี่กิ๊กต่อกี่กิ๊กก็ไม่มีวันพอ
เพราะมนุษย์มีความโลภในสันดาน มีมากใช้มาก ยกตัวอย่างถ้าเพิ่มแบนด์วิธแลนในมหาวิทยาลัยเป็น 100 Gbps ก็จะมีโปรเจ็กต์เพิ่มมากมาย เช่น สตรีมมิ่งวิดีโอการเรียนการสอนด้วยความละเอียด 4K มาเขมือบทรัพยากรจนหมดอยู่ดี ยิ่งมีเทคโนโลยีอย่าง IoT มารอคิวทานแบนด์วิธในอนาคตด้วยแล้ว ดังนั้น แทนที่จะสักแต่จะเพิ่มกิ๊ก หันมาหาวิธีบริหารการจราจรบนเครือข่าย ลดความแออัดของทราฟิกในคอขวดต่างๆ จะดีกว่า

6.  อาชีพด้านไอทียังมีความต้องการสูงในทุกยุค
ตราบเท่าที่เจ้าตัวตามยุคนั้นๆ ได้ทัน วงการนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับคนปล่อยตัวเองตกยุค มีทักษะและเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น AI หรือความปลอดภัยบนคลาวด์ ให้เรียนรู้อย่างรวดเร็วตลอดเวลา ผู้ที่ประสบความสำเร็จในสายงานนี้ต้องปรับตัว อ้าแขนอ้าขารับการเปลี่ยนแปลงอย่างแฮ็ปปี้ดี้ด๊า โดยเฉพาะปัจจุบันที่ผู้บริหารไอทีไม่ได้ต้องการแค่สกิลไอทีเพียวๆ แต่กลับต้องให้ความสำคัญกับจิตวิทยาและการบริหารความสัมพันธ์ รวมทั้งวุฒิภาวะทางอารมณ์เวลาจัดการกับผู้ใช้ในองค์กรด้วย โดยเฉพาะผู้ใช้ระดับสูงที่จ่ายเงินเดือนให้

ที่มา : https://www.cio.com/article/3233244/it-strategy/6-hard-truths-it-must-learn-to-accept.html