หน้าแรก Data Center บทความสั้น : การปฏิวัติดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ ถนนทุกสายมุ่งสู่ Edge Data Center

บทความสั้น : การปฏิวัติดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ ถนนทุกสายมุ่งสู่ Edge Data Center

แบ่งปัน

เรื่องของดาต้าเซ็นเตอร์ได้รับการพูดถึงอย่างมากในวงการไอทีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จัดเก็บข้อมูลมหาศาลอย่าง Google, Amazon, Microsoft, Apple หรือบริษัทอื่นๆ ต่างให้บริการมากมายให้ผู้ใช้ทั่วโลก

อย่างไรก็ดี จากทั้งการขยายตัวของระบบโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต, การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี 5G, ความนิยมของอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว, และแอพพลิเคชั่นที่กินแบนด์วิธมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างไปเพิ่มทราฟิกในดาต้าเซ็นเตอร์จนเกิดเวลาหน่วง (Latency) สูงขึ้น

แม้จะยังไม่มีใครให้นิยามอย่างแท้จริงของ Edge Data Center แต่ก็สามารถมองให้เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ในรูปแบบที่เล็กกว่าปกติ ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์และระบบที่ขยายเครือข่ายในส่วนของ Edge เพื่อจัดทรัพยากรประมวลผลบนคลาวด์ให้ รวมทั้งแคชคอนเท็นต์แบบสตรีมมิ่งแก่ผู้ใช้ปลายทางในบริเวณใกล้เคียง

ซึ่งการย้ายมาอยู่ใกล้กับตำแหน่งที่มีความเคลื่อนไหวของข้อมูล ทำให้บริษัทต่างๆ ควบคุมข้อมูลได้ดียิ่งขึ้นทั้งด้านการประมวลผลและสตอเรจที่ส่วนปลายของเครือข่าย มากกว่าสมัยที่เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่รวมศูนย์อยู่ตรงกลาง

ซึ่งการย้ายมาอยู่ใกล้กับตำแหน่งที่มีความเคลื่อนไหวของข้อมูล ทำให้บริษัทต่างๆ ควบคุมข้อมูลได้ดียิ่งขึ้นทั้งด้านการประมวลผลและสตอเรจที่ส่วนปลายของเครือข่าย มากกว่าสมัยที่เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่รวมศูนย์อยู่ตรงกลาง

เป็นที่น่าสังเกตว่า ดาต้าเซ็นเตอร์แบบ Edge สามารถเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่ซับซ้อนที่รวมไปถึงดาต้าเซ็นเตอร์กลางขององค์กรได้ด้วย โดยสามารถใช้เป็นการขยายขนาดระบบเพื่อให้บริการที่ไม่ได้ต้องการความรวดเร็วมาก เช่นการสำรองข้อมูลอินสแตนซ์

ทาง Gartner ทำนายว่า ภายในปี 2025 จะมีข้อมูลเกิดใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 75% และมองว่าจะมีการย้ายการประมวลจากดาต้าเซ็นเตอร์ส่วนกลางมาที่ Edge แทน ขณะที่รายงานของ IDC ชี้ว่าข้อมูลกว่าครึ่งจะถูกสร้างขึ้นที่ Edge โดยเฉพาะจาก IoT

ที่มา : AnalyticsInsight